Baked Apple (แอปเปิ้ลอบ)
Baked Apple (แอปเปิ้ลอบ) เป็นเมนูอาหารที่มีการนำแอปเปิ้ลไปอบจนกระทั่งเนื้อด้านในนิ่ม โดยปกติแล้วจะมีการนำแกนด้านในออก แล้วยัดไส้เข้าไป เป็นเมนูที่แพร่หลายไปทั่วยุโรปและอเมริกา โดยนอกจากจะเป็นเมนูของหวาน ด้วยการใช้ส่วนผสมที่พบได้บ่อยอย่าง น้ำตาล น้ำเชื่อม ถั่วต่างๆ และผลไม้อบแห้ง พร้อมเสิร์ฟคู่กับครีมชนิดต่างๆ แล้ว Baked Apple ก็ยังสามารถเป็นเมนูอาหารคาวได้ โดยการยัดไส้หมูสับ หรือไส้กรอก และมักจัดเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียง
แอปเปิ้ล: ผลไม้คู่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่บริโภคกันมาอย่างยาวนาน แรกเริ่มมีการเพาะปลูกกันในแถบเอเชียกลางและทวีปยุโรป ก่อนจะถูกนำไปยังทวีปอเมริกาโดยชาวยุโรปที่เข้าไปตั้งถิ่นฐาน มีการบริโภคหลากหลายรูปแบบ ทั้งรับประทานสดๆ คั้นเป็นน้ำผลไม้ ประกอบการอาหารและขนม รวมถึงการทำเป็นไซเดอร์
แอปเปิ้ลมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทั่วโลก โดยเฉพาะในโลกตะวันตก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่เมื่อเก็บเกี่ยวแล้ว ยังสามารถรักษาความสดใหม่ไว้ได้นานหากอยู่ในพื้นที่ที่อากาศเย็น จึงกลายมาเป็นผลไม้ที่นิยมเก็บไว้รับประทานในช่วงฤดูหนาวที่สามารถหาพืชต่างๆ ได้ยาก
จากเตาฟืนสู่โต๊ะอาหาร: การถือกำเนิดของแอปเปิ้ลอบ
การนำผลไม้ไปอบเป็นครั้งแรกของโลก ไม่ได้มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจน แต่คาดว่าเกิดขึ้นหลังจากที่มีการประดิษฐ์เตาฟืนขึ้นในปี ค.ศ. 1557 ซึ่งเตาฟืนได้กลายเป็นเครื่องใช้ทั่วไปหลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมอีกราว 200 ปีต่อมา ซึ่งในช่วงเวลาระหว่างนี้ สูตรการอบแอปเปิ้ลถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกโดยเชฟ Robert May ในหนังสือ The Accomplisht Cook ปีค.ศ. 1685 ประเทศอังกฤษ โดยสูตรนี้พูดถึงการนำแอปเปิ้ลไปปอกเปลือก คว้านไส้ออก หั่นเป็น 4 ส่วน แล้วนำไปอบกับไวน์แดง มะนาว ส้มเชื่อม และน้ำตาล โดยส่วนผสมเหล่านี้ก็สามารถพบได้บ่อยในการทำไส้ Baked Apple จนถึงปัจจุบัน
ในเวลาต่อมา สูตรการอบแอปเปิ้ลทั้งลูกแบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันก็เกิดขึ้นในหนังสือ The Art of Cookery, made plain and easy ฉบับปีค.ศ. 1784 โดย Hannah Glasse ซึ่งต่างจากหนังสือเล่มแรกที่อาหารชั้นสูง ในหนังสือทำอาหารเล่มนี้จะเน้นให้สามารถเข้าถึงคนได้ทุกชนชั้นด้วยภาษาที่เรียบง่าย ด้วยชื่อเสียงของหนังสือ เมนูนี้จึงกลายเป็นเมนูที่แพร่หลายแก่บุคคลทั่วไป อีกทั้งยังถูกกล่าวถึงในหนังสือนิยายชื่อดังเรื่อง Emma (1816) โดย Jane Austen อีกด้วย
Baked Apple ในอเมริกาและยุโรป
Baked Apple ก็เดินทางไปยังอเมริกาพร้อมๆ กับการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป และกลายเป็นเมนูขึ้นชื่อของรัฐ New England จนถึงปัจจุบัน และมีการเผยแพร่สูตรในแบบฉบับอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1832 ในหนังสือ The Cooks Oracle ฉบับเมือง Boston หลังจากผ่านการพัฒนาสูตรตามกาลเวลาและความนิยม จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1940 Baked Apple แบบฉบับ New England ก็ได้มีภาพจำของการอบแอปเปิ้ลเข้ากับน้ำเชื่อมแอปเปิ้ลผ่านทางหนังสือทำอาหารต่างๆ ที่เผยแพร่ในยุคนั้น
ในยุโรป นอกจากประเทศที่เริ่มเผยแพร่สูตรอย่างอังกฤษแล้ว Baked Apple ก็มีความโดดเด่นใน ประเทศเยอรมนี เป็นอย่างมาก โดยมีความพิเศษที่แอปเปิ้ลสายพันธุ์ Belle de Boskoop จากเนเธอร์แลนด์ โดยมีความหลากหลายในด้านวัตถุดิบที่ใช้ทำไส้เป็นอย่างมาก เช่น อัลมอนด์สับ น้ำมะนาว และเครื่องเทศต่างๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เก็บไว้สำหรับฤดูหนาว Baked Apple จึงกลายมาเป็นเมนูสำคัญประจำเทศกาล Christmas ในเยอรมนี อีกด้วย โดยจะเสิร์ฟคู่กับคัสตาร์ดวนิลา
ใน ประเทศบัลแกเรีย ก็มี Baked Apple ที่มีชื่อเสียงเป็นของตัวเอง โดยจะใช้ชื่อว่า Pecheni Yabalki โดยนอกจากส่วนผสมทั่วไปอย่างอบเชย น้ำตาลทรายแดง และส่วนผสมที่ไม่ตายตัวอื่นๆ สิ่งที่ทำให้เมนูนี้มีความเฉพาะตัวนั่นคือวอลนัตนั่นเอง ซึ่งเป็นผลผลิตที่สำคัญมากของบัลแกเรีย
การถนอมอาหารและการประยุกต์ใช้
ในการอบแอปเปิ้ล ยังมีการอบให้แห้งเพื่อจุดประสงค์ด้านการถนอมอาหาร อย่างเช่นในมณฑล Norfolk ของอังกฤษ มีเมนูที่ชื่อว่า Biffin ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับสายพันธุ์แอปเปิ้ลที่ใช้ในเมนูนี้ เป็นการนำแอปเปิ้ลทั้งลูก เข้าไปอบให้แห้งอย่างช้าๆ พร้อมกับมีตุ้มน้ำหนักทับด้านบนเพื่อให้แอปเปิ้ลแบนเป็นรูปทรงเหมือนเค้ก พร้อมด้วยการใส่ฟางเพื่อช่วยดูดความชื้น เมื่อจัดเสิร์ฟ จะลอกเปลือกที่แห้งแข็งและคว้านแกนกลางออก จากนั้นจึงคลุกเคล้ากับน้ำตาล และเสิร์ฟพร้อมครีมสด