Mai Tai (ไมไท)
Mai Tai (ไมไท) เป็น Cocktail ชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนผสมดั้งเดิมเป็น เหล้ารัม, เหล้า Orange Curaçao, น้ำเชื่อม Orgeat (ทำจากอัลมอนด์และ Rose water) และน้ำมะนาว ซึ่งมีจุดกำเนิดจากประเทศอเมริกา ก่อนจะถูกเผยแพร่ไปยังฮาวาย และกลายเป็น Cocktail ที่ดังไปทั่วโลก และยังเป็นหนึ่งในเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของวัฒนธรรม Tiki
Tiki Culture: มนต์เสน่ห์แห่งเกาะในเมืองใหญ่
Tiki Culture เป็นวัฒนธรรมที่ถือกำเนิดขึ้นในอเมริกา ซึ่งรวมเอางานศิลปะ ดนตรี และความบันเทิง โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมในพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ Australasia, Melanesia, Micronesia, Polynesia, หมู่เกาะ Caribbean, และ Hawaii ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่รายล้อมด้วยทะเลและชายหาด โดยสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ Tiki นั่นคือบาร์และ Cocktail หลากสีสันนั่นเอง ซึ่ง Mai Tai ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับบาร์เหล่านี้
จุดกำเนิดของ Mai Tai: Mai Tai Roa Ae
Mai Tai แบบดั้งเดิมได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 1944 โดย Victor Bergeron ซึ่งเป็นเจ้าของบาร์สไตล์ Tiki ที่ชื่อว่า Trader Vics ในเมือง Oakland รัฐ California โดยใช้ส่วนผสมพื้นฐานทั้งสี่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น และใช้เหล้ารัมจากจาเมกาที่บ่มไว้นานถึง 17 ปีในการทำ เมื่อเขาลองชง Cocktail นี้ขึ้นมา และได้ให้เพื่อนๆ ชาว Tahiti ได้ลองชิมเป็นกลุ่มแรก เพื่อนเหล่านั้นได้กล่าวเป็นภาษาทาฮิเตียนขึ้นมาว่า Mai Tai Roa Ae โดยคำว่า Maitai หรือ maitaʻi นั้นมีความหมายว่า ดี หรือดีมาก Bergeron จึงได้นำคำนี้มาตั้งเป็นชื่อ Cocktail ที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นนั่นเอง
ในช่วงเวลานั้น เคยมีประเด็นที่เกิดขึ้น เนื่องจากชายที่ชื่อว่า Don Beach ผู้ที่เป็นบิดาแห่งวัฒนธรรม Tiki และได้คิดค้น Cocktail ใหม่ๆ ขึ้นมามากกว่า 80 ชนิด ได้กล่าวอ้างว่าเขาเป็นผู้คิดค้น Cocktail ชนิดนี้ขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 โดยใช้ชื่อว่า Q.B. Cooler ซึ่งมีส่วนผสมของเหล้ารัม น้ำเชื่อม และน้ำส้มหรือน้ำมะนาว ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการพิจารณาจากศาล Bergeron ก็ได้ใช้สิทธิ์ในการใช้ชื่อ Mai Tai สำหรับ Cocktail ชนิดนี้ แม้ว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของ Mai Tai จะยังเป็นข้อถกเถียงจนถึงทุกวันนี้ แต่หลายๆ คนก็กล่าวว่า Q.B. Cooler และ Mai Tai ก็ยังมีข้อแตกต่างด้านรสชาติ จากรายละเอียดในการเลือกชนิดเหล้ารัม น้ำเชื่อม และวิธีพิเศษอื่นๆ ในการปรุงนั่นเอง
Mai Tai สู่ฮาวาย: โด่งดังระดับโลก
Mai Tai ฉบับปี 1944 นี้ไม่ได้เป็น Cocktail ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษในช่วง 10 ปีแรกของการถือกำเนิด จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1953 Bergeron ได้รับโอกาสในการเป็นผู้จัดทำเมนูอาหารและเครื่องดื่มให้กับโรงแรม Royal Hawaiian และโรงแรม Moana ที่ตั้งอยู่บนชายหาด Waikiki ในฮาวาย ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่การท่องเที่ยวฮาวายเริ่มเป็นกระแส โดยฮาวายได้กลายเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกาในเวลาต่อมา
Bergeron ได้จัดทำเมนู Cocktail สำหรับ โรงแรม Royal Hawaiian ไว้ 10 ชนิด โดยที่ Mai Tai เป็นหนึ่งในนั้น และโปรโมท Cocktail ชนิดนี้ว่า มาจากทาฮิติ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการลิ้มรสสิ่งแปลกใหม่ได้เป็นอย่างดี ชื่อเสียงของ Mai Tai นั่นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแซงหน้า Cocktail ชนิดอื่นๆ ที่มีอยู่ในเมนู ซึ่ง Bergeron ได้ปรับปรุงสูตรของ Mai Tai สำหรับจัดเสิร์ฟที่ฮาวายนี้ ด้วยการเปลี่ยนจากเหล้ารัมเก่าแก่ราคาแพง ไปใช้ Dark Rum สีแดงเข้มซึ่งเป็นที่นิยมและหาได้ง่ายกว่า และยังมีการผสม Light Rum จาก Puerto Rico เพื่อให้ดื่มง่ายแหละเข้าถึงผู้คนได้เยอะขึ้น และยังมีการเพิ่มน้ำเชื่อม Rock Candy เข้าไปอีกด้วย
Mai Tai ฉบับปรับปรุงใหม่นี้ ได้ชื่อเรียกว่าเป็น Original Hawaiian Mai Tai ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งกระจายตัวไปยัง Tiki Bar แห่งอื่นๆ และเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระหว่างปี 1950 - 1960 จนในปี ค.ศ. 1959 ก็ได้รับฉายาจากสื่อต่างๆ ว่าเป็น สิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวยอดนิยม และยังได้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Blue Hawaii (1961) ซึ่งแสดงนำโดยนักแสดงชื่อดังแห่งยุคอย่าง Elvis Presley อีกด้วย
Mai Tai ในปัจจุบัน: สัญลักษณ์ของ Oakland
เมื่อกลายเป็นเครื่องดื่มที่สามารถวางจำหน่ายได้ทุกที่ ก็ย่อมเริ่มมีการพลิกแพลงสูตรไปตามยุคสมัย หลังปี ค.ศ. 1960 ในบาร์หลายๆ แห่ง เริ่มมีการผสมน้ำสับปะรดเข้าไปในสูตร และใช้การเท Dark Rum เป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้เห็นเป็นสีแดงลอยอยู่บนสุดของแก้ว ซึ่งโรงแรม Royal Hawaiian เองก็ได้มีการปรับปรุงสูตรมาในแนวทางนี้ในเวลาต่อมาเช่นกัน จน Mai Tai ที่เป็นของเหลวสีเหลืองอ่อน และมีสีแดงเข้มลอยอยู่ชั้นบน ตกแต่งหน้าด้วยเชอร์รี่ ชิ้นสับปะรด และมะนาว กลายเป็นภาพจำที่สมบูรณ์ของผู้คนทั่วโลกในปัจจุบัน
ชาวเมือง นักธุรกิจ และนักการเมืองท้องถิ่นใน Oakland ได้มีความพยายามที่จะเสนอชื่อให้ Mai Tai ได้รับการแต่งตั้งเป็น Cocktail ประจำเมืองอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ยุค 90 ถึงแม้จะยังไม่สำเร็จในทันที แต่ก็เริ่มเป็นที่รู้กันตั้งแต่ 2009 ให้วันที่ 30 สิงหาคม เป็นวัน Mai Tai ประจำปีของ Oakland เนื่องจากเป็นวันที่สมาชิกสภา Rebecca Kaplan ได้พยายามยื่นเรื่องเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรก วัน Mai Tai ก็กลายเป็นการเฉลิมฉลองที่สำคัญของร้าน Trader Vics และชาว Oakland หลังจากต่อสู้อย่างยาวนาน ในที่สุด Mai Tai ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเครื่องดื่มประจำเมือง Oakland อย่างเป็นทางการในปี 2024