Semla (เซมล่า)
ในวัฒนธรรมสวีเดน เซมล่า (Semla) เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงก่อนถือศีลอดตามประเพณีของชาวคริสเตียน ทั้งนี้เนื่องจาก Semla เป็นขนมที่เต็มไปด้วยแคลอรี่จำนวนมหาศาล จึงเหมาะสำหรับช่วงถือศีลอด เพราะจะช่วยให้อิ่มอาหารไปได้หลายวัน วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของขนมหวานที่มีเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ยาวนานชิ้นนี้กันค่ะ
ต้นกำเนิด Semla: จากขนมปังธรรมดาสู่ตำนานเทศกาล
ต้นกำเนิดของ Semla สามารถสืบย้อนไปถึงช่วง ยุคกลางในสวีเดน เดิมทีขนมชนิดนี้จะเรียกกันว่า Fettisdagsbulle (เฟตทิสแด็กส์บูลเล) ในภาษาสวีเดน ซึ่งแปลว่า "ขนมปังวันอังคารอ้วน" นิยมทานกันในช่วง Shrove Tuesday หรือ Fat Tuesday (วันอังคารก่อนวันพุธรับเถ้า) ทั้งนี้เนื่องจากในอดีต ขนมหวานชนิดนี้จะนิยมทานกันในวันอังคารสุดท้ายก่อนถึงช่วงถือศีลอด
ในยุคแรกสุด Semla เป็นเพียงขนมปังธรรมดาที่แช่ในนมร้อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปใน ศตวรรษที่ 18 สูตรก็ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยปรุงรสขนมปังด้วย กระวาน (Cardamom) ซึ่งเป็นเครื่องเทศกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ตัดขนมปังส่วนบนออก สอดไส้ด้านในด้วย อัลมอนด์บดละเอียด (Almond paste) และ วิปครีม ฟูนุ่ม จากนั้นโรยหน้าด้วย น้ำตาลไอซิ่ง กลายเป็นขนมหวานแสนอร่อยในแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ความนิยมที่ขยายวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในตอนแรก Semla จะนิยมรับประทานกันเฉพาะช่วง Shrove Tuesday เท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงในปัจจุบัน Semla ก็กลายเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมในหลายเทศกาลในสวีเดน ซึ่งจะทานกันตั้งแต่ช่วงหลังคริสต์มาสไปจนถึงหลังวันอีสเตอร์ ว่ากันว่าในช่วงนี้ชาวสวีเดนจะทาน Semla กันมากถึง 5 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับขนมชนิดนี้อย่างลึกซึ้ง
ใน ศตวรรษที่ 19 มีร้านเบเกอรี่ที่จำหน่าย Semla เกิดขึ้นมากมาย รวมไปถึงความก้าวหน้าของเทคนิคการทำขนม ทำให้ Semla ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในหลายภูมิภาค จนนำไปสู่สูตรที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ใน Skåne (สโคเนอ) เทศมณฑลที่ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศสวีเดน มีสูตรที่สอดไส้แยมควบคู่ไปกับอัลมอนด์บดและวิปครีม ส่วนใน ประเทศนอร์ดิก อื่นๆ เช่น ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ก็มีสูตรที่เพิ่มส่วนผสมของตัวเองลงไปเช่นกัน ทำให้เกิดรูปแบบของขนมที่มีความคล้ายคลึงแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละประเทศ
Semla ในยุคปัจจุบัน: วิวัฒนาการที่ไม่สิ้นสุด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักทำขนมได้คิดค้น Semla สมัยใหม่ เพื่อตอบสนองรสนิยมที่หลากหลาย ซึ่งมีทั้งรูปแบบ มังสวิรัติ (Vegetarian) วีแกน (Vegan) ปราศจากกลูเตน (Gluten-free) และ Mini Semla ที่มีขนาดเล็กพอดีคำ ไปจนถึงการปรุงแต่งด้วยรสชาติที่หลากหลาย เช่น ช็อกโกแลต เบอร์รี่ และอื่นๆ อีกมากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความสร้างสรรค์และการปรับตัวของขนมหวานแบบดั้งเดิมนี้
ปัจจุบัน Semla ยังคงเป็นขนมหวานที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมสวีเดน โดยร้านเบเกอรี่ต่างๆ จะเริ่มจำหน่ายกันตั้งแต่ช่วงหลังคริสต์มาสไปจนถึงวันอีสเตอร์ ซึ่งผู้คนต่างก็รอคอยที่จะได้ลิ้มรสขนมแสนอร่อยนี้ไปพร้อมกับกาแฟหรือเครื่องดื่มอุ่นๆ สักแก้วในช่วงเทศกาล นับเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและน่ารื่นรมย์
เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ: Semla สามารถเรียกอีกแบบได้ว่า Semlor (เซมเลอร์) ทั้งนี้เนื่องจาก Semlor เป็นรูปพหูพจน์ที่แปลว่ามีหลายอัน ดังนั้นในบางครั้งเราจึงอาจจะได้ยินผู้คนเรียกชื่อขนมหวานชนิดนี้แตกต่างกันนั่นเองค่ะ