Beef Wellington (บีฟเวลลิงตัน)
ตำนานต้นกำเนิด: อาหารแห่งชัยชนะ
ตามตำนานเล่าขานถึงที่มาของบีฟเวลลิงตันว่า เมนูนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของดยุคแห่งเวลลิงตันที่ 1 หรือจอมพลอาร์เธอร์ เวลสลีย์ (Arthur Wellesley) หลังจากที่เขานำทัพได้รับชัยชนะเหนือนโปเลียนแห่งฝรั่งเศสในยุทธการวอเตอร์ลู (Battle of Waterloo) อันเลื่องชื่อในปี ค.ศ. 1815 ชื่อของเมนูจึงถูกตั้งตามชื่อของดยุค เพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึงความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นั้น
ส่วนผสมและขั้นตอนการรังสรรค์ดั้งเดิม
ในรูปแบบแรกเริ่มสุด บีฟเวลลิงตันทำจากเนื้อสันในวัวคุณภาพเยี่ยม ซึ่งจะต้องนำไปย่างอย่างรวดเร็วก่อนในขั้นแรก เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มฉ่ำและรสชาติอันเข้มข้นของเนื้อเอาไว้ จากนั้นเนื้อวัวที่ย่างแล้วจะถูกเคลือบด้วย "Duxelles" ซึ่งเป็นส่วนผสมอันเป็นเอกลักษณ์ ประกอบด้วยเห็ดสับละเอียด หัวหอม กระเทียม และสมุนไพรนานาชนิดที่นำมาผัดรวมกันกับไวน์ จนได้เนื้อสัมผัสที่หอมกรุ่นและมีรสชาติลึกซึ้ง หลังจากนั้น ส่วนผสมทั้งหมดจะถูกห่อหุ้มอีกชั้นด้วยแป้งพัฟเพสตรี ซึ่งเป็นแป้งที่มีลักษณะเป็นชั้นบางเบา เมื่อนำไปอบจะพองฟูและมีสีเหลืองทองน่ารับประทาน
การแพร่หลายและความนิยมในระดับสากล
หลังจากที่สูตรบีฟเวลลิงตันได้รับการเผยแพร่ออกไป เมนูนี้ก็ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ในประเทศอังกฤษและกรุงลอนดอนเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ โปรตุเกส ฝรั่งเศส และแม้กระทั่งมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในแต่ละพื้นที่อาจมีการเรียกชื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น ในประเทศฝรั่งเศส เมนูนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Filet de bœuf en croûte ซึ่งหมายถึงเนื้อสันในวัวอบแป้ง
ในสหรัฐอเมริกา บีฟเวลลิงตันปรากฏขึ้นครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ The Los Angeles Times เมื่อปี ค.ศ. 1903 ซึ่งได้มีการกล่าวถึงสูตรและวิธีการทำตามแบบฉบับฝรั่งเศส Filet de bœuf en croûte และนอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 1939 สูตรบีฟเวลลิงตันยังได้ถูกบันทึกและปรากฏอยู่ในคู่มือการทานอาหารนอกบ้านของนครนิวยอร์กอีกด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น เมนูนี้ยังได้รับการบันทึกลงในตำราการทำอาหารของทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1968 โดยอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี และริชาร์ด เอ็ม. นิกสัน เป็นผู้บันทึกไว้ ด้วยเหตุนี้เอง บีฟเวลลิงตันจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในเมนูโปรดของใครหลายคน
วิวัฒนาการและการปรับเปลี่ยนในยุคปัจจุบัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บีฟเวลลิงตันยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการดัดแปลงให้มีรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เชฟหลายท่านได้ทดลองใช้ส่วนผสมและไส้ต่างๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น การใช้ปลาแซลมอน เนื้อไก่ เนื้อแกะ ฟัวกราส์ หรือแม้กระทั่งทรัฟเฟิล เพื่อเพิ่มมิติและรสชาติที่ซับซ้อนให้กับเมนู นอกจากนี้ ยังมีการสร้างสรรค์รูปแบบมังสวิรัติที่ประกอบด้วยผักย่างนานาชนิดและชีส สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความเป็นสากลของเมนูคลาสสิกนี้
การเสิร์ฟและการจับคู่ความอร่อย
บีฟเวลลิงตันมักจะถูกเสิร์ฟเป็นชิ้นหนาพอประมาณ ซึ่งจะเผยให้เห็นชั้นของเนื้อวัวที่สุกกำลังดี ไส้ด้านในที่ปรุงรสอย่างกลมกล่อม และเปลือกแป้งพัฟเพสตรีสีทองที่อบจนกรอบน่ารับประทาน โดยทั่วไปแล้ว นิยมรับประทานคู่กับซอสที่เข้มข้น เช่น ซอสไวน์แดง (Red Wine Sauce) หรือซอสครีมแบร์เนส (Béarnaise sauce) ซึ่งจะช่วยยกระดับรสชาติของบีฟเวลลิงตันให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เมนูนี้มักจะเสิร์ฟเป็นอาหารจานหลักในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานเฉลิมฉลองสำคัญ งานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงอาหารค่ำสุดหรู ที่ต้องการสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มาเยือน