แชร์

Vermouth (เวอร์มุต)

เวอร์มุต (Vermouth) หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า Aromatised Wine เป็นฟอร์ติไฟด์ไวน์ประเภทหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในโลกของค็อกเทลมานานหลายศตวรรษ เป็นส่วนผสมหลักในค็อกเทลคลาสสิกหลากหลายชนิด ตั้งแต่ Martini ไปจนถึง Negroni ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันซับซ้อนของเครื่องเทศและสมุนไพร

จุดกำเนิดจากยาอายุวัฒนะโบราณ

เวอร์มุตในยุคแรกสุดมีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในอารยธรรมโบราณอย่างกรีกและโรมัน ซึ่งในสมัยนั้นผู้คนมักจะนำสมุนไพรและเครื่องเทศใส่ลงไปในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อสร้างเครื่องดื่มที่เชื่อว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค หรือเป็นยาอายุวัฒนะ แต่อย่างไรก็ตาม เวอร์มุตเวอร์ชันใหม่ที่เรารู้จักและใช้กันในปัจจุบันได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นครั้งแรกในเมือง ตูริน (Turin) ประเทศอิตาลี ช่วงปลายศตวรรษที่ 18

Antonio Benedetto Carpano: ผู้ให้กำเนิดเวอร์มุตยุคใหม่

ในปี ค.ศ. 1786 Antonio Benedetto Carpano (อันโตนิโอ เบเนเดตโต คาร์ปาโน) นักกลั่นสุราและนักสมุนไพรในท้องถิ่น ได้ผลิตเวอร์มุตเวอร์ชันใหม่ขึ้นมา โดยการนำไวน์ขาวมาผสมผสานอย่างลงตัวกับศาสตร์ทางด้านพืชพันธุ์หลากหลายชนิด (botanicals) ทั้งบอระเพ็ด (Wormwood) ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญที่ให้รสขมอันเป็นเอกลักษณ์ และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมอื่น ๆ จนกลายเป็นเครื่องดื่มที่รู้จักกันในชื่อ เวอร์มุต ดิ โตริโน (Vermouth di Torino) หรือ Carpano Vermouth ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในตูริน จนเกิดเป็นอุตสาหกรรมเวอร์มุตที่รุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน

ในตอนแรก Vermouth di Torino ของ Carpano เริ่มวางตลาดในฐานะเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค หรือเป็นยาชูกำลัง แต่ต่อมาก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย (aperitif) เพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร โดยสามารถดื่มแบบไม่ผสมหรือดื่มกับโซดาก็ได้ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มบาร์เทนเดอร์และผู้ชื่นชอบค็อกเทลที่แสวงหารสชาติแปลกใหม่

การแพร่หลายสู่ฝรั่งเศสและบทบาทในค็อกเทลคลาสสิก

ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 เวอร์มุตกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศส ผู้ผลิตชาวฝรั่งเศสชื่อดัง เช่น Joseph Noilly (โจเซฟ นอยลี) และ Louis François Armand (หลุยส์ ฟรองซัวส์ อาร์มองด์) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Dry เวอร์มุต ซึ่งเป็นเวอร์มุตที่มีความหวานน้อยกว่าเวอร์มุตอิตาลี และเป็นที่รู้จักในชื่อ Vermouth blanc (เวอร์มุต บล็องก์) หรือ White vermouth (ไวท์ เวอร์มุต) รวมไปถึงได้เปิดตัวเวอร์มุตรูปแบบต่าง ๆ เป็นของตัวเองอีกมากมาย สร้างความหลากหลายให้กับตลาด

หนึ่งในค็อกเทลที่มีชื่อเสียงที่สุดที่ใช้เวอร์มุตคือ Martini ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในตอนแรก Martini ถูกทำขึ้นโดยใช้จิน (Gin) และเวอร์มุตหวาน (Sweet Vermouth) ในสัดส่วนเท่า ๆ กัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป Martini ก็พัฒนามาใช้จินและเวอร์มุตแบบ Dry เพื่อรสชาติที่คมชัดและแห้งกว่า นอกจากนี้เวอร์มุตยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ Negroni ซึ่งเป็นค็อกเทลคลาสสิกอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ประกอบด้วยจิน คัมพารี (Campari) และเวอร์มุตหวานในสัดส่วนเท่า ๆ กัน

ความหลากหลายทางภูมิภาคและการกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

เมื่อชื่อเสียงของเวอร์มุตเริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลก ภูมิภาคต่าง ๆ ก็เริ่มพัฒนารูปแบบของตนเองขึ้นมามากมาย เพื่อสะท้อนถึงรสนิยมและวัตถุดิบในท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น ในสเปนเวอร์มุตมักจะมีรสหวานและเสริมด้วยผลไม้ สมุนไพร และเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม เช่น อบเชย และเปลือกส้ม ซึ่งนิยมดื่มเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยพร้อมกับทาปาสหลากหลายชนิด

ในศตวรรษที่ 20 เวอร์มุตมักถูกบดบังรัศมีด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเวอร์มุตก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งอย่างน่าทึ่งในหมู่ผู้ที่สนใจคราฟต์ค็อกเทลและวัฒนธรรมการดื่ม โดยมีการนำเสนอเวอร์มุตหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับรสนิยมที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่

เวอร์มุตในปัจจุบัน: การสร้างสรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ปัจจุบันเวอร์มุตถูกผลิตขึ้นทั่วโลก โดยมีหลากหลายรูปแบบตั้งแต่หวาน (Sweet) ไปจนถึง Dry (ดราย) และสูตรที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ เช่น Rosso (รอสโซ่) ซึ่งเป็นเวอร์มุตแดงหวาน, Bianco (เบียงโค่) ซึ่งเป็นเวอร์มุตขาวหวาน และ Extra dry (เอ็กซ์ตร้า ดราย) ซึ่งเป็นเวอร์มุตขาวที่แห้งมาก โดยมีตั้งแต่สีแดงไปจนถึงสีขาว ซึ่งทุกวันนี้ผู้ผลิตเวอร์มุตก็ยังคงทดลองสร้างสรรค์เวอร์มุตในรูปแบบใหม่ ๆ โดยใช้พืช (botanicals) และองุ่นพันธุ์ต่าง ๆ ที่มาจากแหล่งผลิตที่หลากหลาย ส่งผลให้ได้เวอร์มุตรสชาติและสไตล์ที่หลากหลายไม่รู้จบ ทำให้เวอร์มุตยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ค็อกเทล และเป็นเครื่องดื่มที่น่าลิ้มลองในตัวเองสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความซับซ้อนของกลิ่นอายพฤกษา


บทความที่เกี่ยวข้อง
Cognac (คอนญัก) และ Brandy (บรั่นดี)
Cognac (คอนญัก) และ Brandy (บรั่นดี) ต่างกันอย่างไร
Soju (โซจู) และ Shochu (โชจู)
ไขข้อสงสัย Soju (โซจู) และ Shochu (โชจู) แตกต่างกันอย่างไร? เปิดตำนานเครื่องดื่มแห่งเอเชียตะวันออก
Sake (สาเก)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Sake (สาเก) เครื่องดื่มหลักประจำชาติแห่งแดนอาทิตย์อุทัย: จากพิธีกรรมสู่เครื่องดื่มระดับโลก
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ