แชร์

Eau de vie (โอ เดอ วี)

ในประวัติศาสตร์ของการผลิตสุรา Eau de vie ถือเป็นเครื่องดื่มอีกหนึ่งชนิดที่ดูลึกลับและน่าค้นหา ด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ผสานกับความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งกล่าวกันว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยนักเล่นแร่แปรธาตุในช่วงยุคกลางของฝรั่งเศส

ความหมายและลักษณะเฉพาะของ Eau de vie

Eau de vie แปลว่า น้ำแห่งชีวิต (Water of Life) ในภาษาฝรั่งเศส เป็นบรั่นดี (Brandy) ที่กลั่นมาจากผลไม้หลากหลายชนิด เช่น ลูกแพร์, ลูกพลัม, ราสเบอร์รี่, แอปริคอท, เชอร์รี่, แอปเปิ้ล และลูกพีช ซึ่งจะไม่ได้ผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊กเหมือนกับบรั่นดีชนิดอื่นๆ ทั่วไป ทำให้คงความเป็นบรั่นดีที่มีชื่อเสียงในด้านรสชาติผลไม้ที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมบริสุทธิ์ของผลไม้สด และมักจะมีความใส ไม่มีสี

จุดกำเนิดในยุคกลาง: จากยาอายุวัฒนะสู่เครื่องดื่มเพื่อความรื่นรมย์

ประวัติศาสตร์ของ Eau de vie ต้องย้อนกลับไปในฝรั่งเศสยุคกลาง ที่ซึ่งอารามและนักเล่นแร่แปรธาตุมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเครื่องดื่ม โดยในยุคแรกๆ นี้พวกเขาได้ทดลองเทคนิคการกลั่นสุราอยู่หลากหลายวิธี จนกระทั่งพวกเขาค้นพบ Alembic still นวัตกรรมการกลั่นสุราโบราณที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ มาใช้เพื่อสกัดเอาสารสำคัญและรสชาติที่เข้มข้นออกมาจากผลไม้ และสมุนไพร โดยในตอนแรกสุรากลั่นเหล่านี้ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ หรือ "น้ำอมฤต" ที่สามารถฟื้นฟูสุขภาพได้

เมื่อเวลาผ่านไป นักเล่นแร่แปรธาตุก็ตระหนักถึงศักยภาพของ Eau de vie ในการสร้างน้ำอมฤตที่มึนเมา พวกเขาได้เปลี่ยนวัฒนธรรมการดื่ม Eau de vie ในฐานะยาอายุวัฒนะมาเป็นเครื่องดื่มที่สร้างความรื่นรมย์ จนกระทั่งในศตวรรษที่ 17 Eau de vie ก็แพร่กระจายไปทั่วยุโรป ซึ่งในช่วงเวลานี้เองที่คำว่า Eau de vie เริ่มถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายบรั่นดีผลไม้

ในยุคแรกๆ การผลิต Eau de vie ยังทำออกมาได้ไม่ดีมากนัก เนื่องจากรสชาติยังไม่นุ่มนวลและบาดคอ มีกลิ่นของแอลกอฮอล์ออกมาชัดเจน ดังนั้นจึงมีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า Burning water (น้ำเผาไหม้) ซึ่งในประเทศฝรั่งเศสนั้นมีการผลิต Eau de vie อย่างแพร่หลาย และมีชื่อเสียง โดยส่วนมากจะมาจากแคว้น Alsace (อัลซาส) ซึ่งลักษณะของบรั่นดีจะมีความใส ไม่มีสีใดๆ เจือปนคล้ายกับวอดก้า

ความหลากหลายในภูมิภาคต่างๆ ของยุโรปและอเมริกา

เมื่อเทคนิคการกลั่นได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น Eau de vie จึงได้รับการผลิตให้มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาคของยุโรป โดยแต่ละภูมิภาคก็จะใช้ผลไม้ในท้องถิ่นของตัวเอง อาทิเช่น

  • ในประเทศเยอรมนี มี Eau de vie ที่มีชื่อเสียงคือ Obstler ที่ทำมาจากผสมผสานระหว่างแอปเปิ้ลและลูกแพร์เข้าด้วยกัน
  • ในสวิตเซอร์แลนด์ มี Eau de vie ที่มีชื่อเสียงคือ Kirsch ทำจากเชอร์รี่ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านกลิ่นรสที่สะอาดบริสุทธิ์และความหอมของผลไม้
  • ในยุโรปตะวันออก เช่น ประเทศโปแลนด์และฮังการี ก็มี Eau de vie ในเวอร์ชันของตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งมักจะทำจากลูกพลัมหรือลูกแพร์ เรียกว่า Slivovitz (สลิโววิตซ์) และ Pálinka (ปาลินกา) ตามลำดับ

ต่อมาในช่วงที่ชาวยุโรปเข้ามาตั้งอาณานิคมในอเมริกา พวกเขาก็นำศิลปะการกลั่นสุราติดตัวมาด้วย ทำให้ Eau de vie เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ Eau de vie มักจะทำมาจากแอปเปิ้ล ลูกพีช และลูกพลัม ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อที่หาได้ง่ายในดินแดนแห่งนี้

ประเภทของเครื่องดื่ม Eau de vie จะพิจารณาจากประเภทของวัตถุดิบ เช่น ในฝรั่งเศสเวอร์ชันลูกแพร์ จะเรียกว่า Eau de vie de Poire Williams, เวอร์ชันราสเบอร์รี่ เรียกว่า Eau de vie de framboise และเวอร์ชันแอปเปิ้ล เรียกว่า Eau de vie de pomme

ความท้าทายและการฟื้นตัวในยุคปัจจุบัน

ในศตวรรษที่ 20 Eau de vie เผชิญกับความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากมีสุรากลั่นชนิดอื่นๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ความนิยมของ Eau de vie ลดลง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงกลั่นสุราสมัยใหม่ก็หันมาสนใจเกี่ยวกับวิธีการกลั่น Eau de vie แบบดั้งเดิมอีกครั้ง โดยเริ่มทดลองใช้ผลไม้นานาชนิด ตั้งแต่ควินซ์ แอปริคอท ไปจนถึงแบล็คเคอร์แรนท์ และพลัม ปัจจุบัน Eau de vie จึงได้รับความนิยมไม่เพียงแต่ใช้ในรูปแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นส่วนผสมในคราฟต์ค็อกเทล (Craft Cocktails) ต่างๆ อีกด้วย ทำให้กลับมาเป็นที่รู้จักและชื่นชอบอีกครั้งในฐานะเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว


บทความที่เกี่ยวข้อง
Soju (โซจู) และ Shochu (โชจู)
ไขข้อสงสัย Soju (โซจู) และ Shochu (โชจู) แตกต่างกันอย่างไร? เปิดตำนานเครื่องดื่มแห่งเอเชียตะวันออก
Sake (สาเก)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Sake (สาเก) เครื่องดื่มหลักประจำชาติแห่งแดนอาทิตย์อุทัย: จากพิธีกรรมสู่เครื่องดื่มระดับโลก
Gaspare Campari (กาสปาเร่ คัมปาริ)
ความหลงใหลในเครื่องดื่มของ Gaspare Campari (กาสปาเร่ คัมปาริ) นำมาสู่ Bitter สมุนไพรสีแดงสดใสที่เชื่อมโยงคนทั้งโลกผ่าน Classic Cocktail และงานศิลป์
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ