Sun-Dried Tomato (มะเขือเทศตากแห้ง)
เชื่อไหมว่าไม่มีใครเคยคิดว่า มะเขือเทศตากแห้ง (Sun-dried tomato) จะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเหมือนวัตถุดิบชนิดอื่น ๆ เพราะมะเขือเทศตากแห้งดูเหมือนจะเป็นวัตถุดิบง่าย ๆ เพียงแค่นำมะเขือเทศมาตากแห้งก็เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วรู้หรือไม่ว่ามะเขือเทศตากแห้งก็มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจเช่นกัน
จุดเริ่มต้นในอารยธรรมโบราณ
เรื่องราวของมะเขือเทศตากแห้งสามารถสืบย้อนไปถึงสมัยโบราณ เมื่ออารยธรรมต่าง ๆ เริ่มค้นพบวิธีการถนอมอาหารในรูปแบบใหม่ ๆ แม้จะไม่ทราบที่มาที่แน่ชัด แต่ก็เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเทคนิคการทำมะเขือเทศมาตากแห้งนั้นเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในแถบเมดิเตอร์เรเนียน
ในยุคสมัยของอาณาจักรกรีก มะเขือเทศมักถูกเรียกว่า แอปเปิ้ลทองคำ เพราะเป็นวัตถุดิบมีคุณค่ามากในสมัยนั้น ชาวกรีกมักจะตากมะเขือเทศให้แห้งภายใต้แสงแดดที่ร้อนระอุ เพื่อขจัดความชื้น ทำให้มะเขือเทศมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน สามารถเก็บไว้ทานได้ในฤดูกาลอื่น ๆ ซึ่งแนวทางการปฏิบัตินี้ได้แพร่หลาย สืบสานไปทั่วพื้นที่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงจะเป็นประเทศอิตาลี ชาวอิตาลีจะนิยมนำมะเขือเทศตากแห้งมาเป็นส่วนประกอบในอาหารหลากหลายเมนู
อิตาลี: ดินแดนแห่งมะเขือเทศตากแห้ง
อิตาลีมีบทบาทสำคัญในการนำมะเขือเทศตากแห้งมาผสมผสานเข้ากับอาหารแบบดั้งเดิม ซึ่งภูมิภาคทางตอนใต้ของอิตาลี โดยเฉพาะซิซิลี ถือเป็นแคว้นที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตมะเขือเทศตากแห้งมากที่สุด ชาวอิตาลีพบว่าสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งทางตอนใต้ เหมาะสำหรับนำมะเขือเทศมาตากแห้งเป็นอย่างมาก พวกเขาจะเก็บเกี่ยวมะเขือเทศที่สุกแล้ว นำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้ววางบนกระดานไม้ ตากแดดบนหลังคาบ้านให้แห้งเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งกระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษามะเขือเทศไว้เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความหวานตามธรรมชาติและเพิ่มรสชาติของมะเขือเทศให้เข้มข้นขึ้นอีกด้วย
จากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ครัวโลก
เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่มะเขือเทศตากแห้งยังคงเป็นส่วนผสมแบบดั้งเดิม ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้โดยคนท้องถิ่นในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าในวงการอาหารทำให้มะเขือเทศตากแห้งเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวัฒนธรรมการทำอาหารระดับโลก
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 มะเขือเทศตากแห้งเริ่มได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในสหรัฐอเมริกา เชฟชื่อดังอย่าง Wolfgang Puck ได้นำเสนอรสชาติที่มีชีวิตชีวาของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนให้ชาวอเมริกันรู้จัก เขานำเสนอมะเขือเทศตากแห้งในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนำมาเป็นท็อปปิ้งในเมนูพิซซ่า พาสต้า เบอร์เกอร์ของอเมริกา และอื่น ๆ อีกมากมาย จนมะเขือเทศตากแห้งกลายเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในร้านอาหารน้อยใหญ่ทั่วทั้งอเมริกา
ด้วยรสชาติที่เข้มข้น อร่อย และทานได้ง่ายกว่ามะเขือเทศแบบสด ๆ มะเขือเทศตากแห้งจึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง สามารถนำมาคืนสภาพได้ในน้ำ น้ำมัน หรือแม้แต่ไวน์ก็สามารถนำมะเขือเทศตากแห้งมาแช่ไว้ได้เช่นกัน ด้วยรสชาติที่เข้มข้นและเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มเป็นพิเศษ มะเขือเทศตากแห้ง จึงเป็นวัตถุดิบที่นิยมนำมาทานคู่กับพาสต้า พิซซ่า บรูสเก็ตต้า และสลัด
การผลิตยุคใหม่และคุณประโยชน์ทางโภชนาการ
ทุกวันนี้มะเขือเทศตากแห้งกลายเป็นวัตถุดิบที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น จึงมีการผลิตในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่เพียงแต่ในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนเท่านั้น แต่ทุกวันนี้มะเขือเทศตากแห้งยังมีการผลิตทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ในปัจจุบันเรายังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถทำให้มะเขือเทศแห้งได้โดยใช้เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์หรือเตาอบ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้เราสามารถควบคุมกระบวนการอบแห้งได้ดีมากขึ้น รวมไปถึงไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนการนำมะเขือเทศไปตากแดด
อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะคิดว่าการทำมะเขือเทศให้แห้งจะทำให้สารอาหารลดลง ทั้งนี้มีการวิจัยออกมาแล้วว่ามะเขือเทศตากแห้งยังคงมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยโพแทสเซียม โซเดียม แมงกานีส วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ นอกจากนี้มีไลโคปีนเข้มข้นสูงเป็นพิเศษ ซึ่งว่ากันว่าไลโคปีนนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก ๆ อีกด้วย