Trappist Beer (แทรปพิสท์ เบียร์)
โดยทั่วไปแล้วศาสนาและเครื่องดื่มมึนเมา ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เข้ากันได้ เพราะขนาดพวกเราชาวพุทธยังถูกปลูกฝังให้ท่องจำศีลข้อ 5 กันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่อย่างไรก็ตามเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้ามในบางศาสนา เพราะศาสนาบางนิกายกลับมองว่าเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ชีวิตแก่ผู้คน
จุดเริ่มต้นของ "เบียร์นักบวช" ในยุคกลาง
จุดเริ่มต้นของเบียร์นักบวช เกิดขึ้นในช่วงยุคกลางของยุโรป โดย Trappist นักบวชคณะ Cistercian นิกายโรมันคาทอลิกที่อาศัยอยู่ที่อาราม La Trappe ใน Normandy ประเทศฝรั่งเศส นักบวชเหล่านี้ยึดถือปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่สอนโดยนักบุญเบเนดิกต์แห่งนูร์เซีย ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้เรียกว่า กฎของเซนต์เบเนดิกต์ โดยมีคติพจน์หลักคือ Ora et labora ซึ่งแปลได้ว่า Pray and work หรือเป็นภาษาไทยคือ สวดมนต์ไป ทำงานไป นักบวชเหล่านี้มีความเชื่อว่าการทำสมาธิหรือการพิจารณาชีวิต สามารถทำได้ผ่านกิจกรรมและการทำงานในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นตามกฎของนักบุญเบเนดิกต์ นักบวชเหล่านี้จึงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงาน เพื่อหารายได้สนับสนุนวัดและชุมชน โดยอารามหลายแห่งได้สร้างผลิตภัณฑ์หลากหลายออกมาจำหน่าย ซึ่งมีตั้งแต่ ชีส ขนมปัง ช็อกโกแลต น้ำผึ้ง และเบียร์ แต่ในช่วงที่ฝรั่งเศสเกิดการปฏิวัติ (1789-1799) นักบวชนิกายดังกล่าวถูกรัฐคุกคาม โบสถ์และวิหารถูกยึดจนต้องหนีออกจากฝรั่งเศสแล้วมาปักหลักอยู่ที่เมือง Westmalle ใกล้ Antwerp ประเทศเบลเยียม
เบียร์เพื่อสุขภาพและสังคม: บทบาทในเบลเยียม
เมื่อเดินทางมาถึงเบลเยี่ยม พวกเขาพบว่าน้ำดื่มในขณะนั้นปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกและสารพิษต่าง ๆ การดื่มน้ำจากธรรมชาติจึงเปรียบเสมือนการฆ่าตัวตายแบบผ่อนส่ง ดังนั้นโบสถ์ในฐานะที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน จึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและรณรงค์ให้ผู้คนหันมาดื่มเบียร์แทน เนื่องจากเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่ผ่านกระบวนการต้มมาแล้วจึงมีความสะอาดมากกว่าน้ำดื่มทั่วไป
ดังนั้นนักบวชเหล่านี้จึงผลิตเบียร์ขายให้กับชาวเบลเยี่ยม แต่การขายเบียร์ของนักบวชจะต้องไม่หวังผลกำไร ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม เพื่อนำเงินที่ได้มาบำรุงรักษาอาราม สนับสนุนงานการกุศล และสนับสนุนโครงการสวัสดิการสังคม เช่น การติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม รวมไปถึงการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างข้าวบาร์เลย์ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่
มาตรฐานและเอกลักษณ์ของเบียร์ Trappist
เมื่อเวลาผ่านไปเบียร์ของนักบวชก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วเบลเยี่ยม โดยชาวเบลเยี่ยมมักจะเรียกเบียร์ชนิดนี้ว่า Trappist ตามชื่อของนักบวช และในเวลาไม่นานความนิยมของเบียร์ชนิดนี้ก็แพร่ขยายไปทั่วยุโรป นักบวช Trappist ที่กระจายกันอยู่ตามอารามต่าง ๆ ก็เริ่มผลิตเบียร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาจำหน่ายกันมากขึ้น
เพื่อรักษาความเป็นเอกลักษณ์นี้ไว้ รวมไปถึงป้องกันการผลิตเพื่อแสวงหากำไรจากผู้ผลิตรายอื่น นักบวช Trappist จึงรวมกลุ่มกันก่อตั้งสมาคมขึ้นมา ดังนั้นผู้ที่ต้องการผลิตเบียร์ Trappist ขายจะต้องปฏิบัติภายใต้กฎการผลิตสามประการที่ถูกบัญญัติโดย สมาคมนักบวชแทรปปิสต์นานาชาติ (International Trappist Association - ITA) ได้แก่
เบียร์ต้องผลิตอยู่ภายในกำแพงอาราม โดยมีการควบคุมดูแลของนักบวช Trappist เท่านั้น เพื่อป้องกันการผลิตแล้วนำไปค้าขายเพื่อเอากำไร
การผลิตต้องมีความสำคัญรองลงมาจากกิจกรรมทางศาสนา
การผลิตเบียร์ในอารามต้องไม่เน้นผลกำไรเป็นที่ตั้ง เป็นเพียงการหารายได้เพื่อทำนุบำรุงคุณภาพชีวิตและทรัพย์สินของอารามเป็นหลัก นอกจากนี้รายได้ทั้งหลายจะต้องนำไปตอบแทนให้กับสังคม เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการกุศลต่าง ๆ
สำหรับอารามที่ต้องการเป็นสมาชิกของ International Trappist Association (ITA) แล้วผลิตเบียร์ Trappist จำหน่ายจะต้องส่งใบสมัครและผ่านการประเมินอย่างละเอียด โดยคณะกรรมการของ ITA ซึ่งการประเมินจะต้องเยี่ยมชมสถานที่ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎข้อบังคับสามประการที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยอารามที่ผ่านการประเมินจะได้รับใบอนุญาต Authentic Trappist Product (ATP) เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพและสามารถใช้ชื่อหรือโลโก้ผลิตภัณฑ์ที่มี Trappist ได้
ทุกวันนี้มีโรงเบียร์เพียง 13 แห่งเท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาตและประทับตรา Authentic Trappist Product (ATP) ดังนั้นการผลิตเบียร์ Trappist จึงมีอยู่อย่างจำกัด เรียกได้ว่าเป็นเบียร์ที่หาทานยากอีกหนึ่งชนิดเลยก็ว่าได้ค่ะ
เบียร์ Trappist: จิตวิญญาณและความซับซ้อนของรสชาติ
แม้เบียร์ Trappist จะมีส่วนผสมพื้นฐานของการหมักเหมือนกับเบียร์ทั่ว ๆ ไป แต่หัวใจสำคัญที่ทำให้เบียร์ชนิดนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างไปจากเบียร์ชนิดอื่น ๆ คือถูกผลิตขึ้นมาโดยนักบวชและยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งอารามอันเป็นที่ตั้งของโรงเบียร์ รวมไปถึงมีความโดดเด่นและซับซ้อนในแง่ของรสชาติที่หลากหลาย เช่น Enkel, Dubbel, Tripel และ Quadrupel โดยแต่ละชนิดก็มีจะมีรสชาติและลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง มักเสริมด้วยกลิ่นผลไม้ เครื่องเทศ สมุนไพร เรียกได้ว่าความโดดเด่นเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งคุณค่าที่คนรักเบียร์ไม่อาจหาได้จากเบียร์ชนิดไหน ๆ
อย่างไรก็ตามถึงแม้หลายคนอาจจะมองว่าเบียร์กับศาสนาไม่ควรเป็นสิ่งที่มาคู่กัน แต่สำหรับบางศาสนาอย่างนิกายโรมันคาทอลิกแล้ว เบียร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณโดยไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิดบาปอะไร เนื่องจากเป็นเบียร์ที่ผลิตขึ้นมาด้วยหัวใจจากการอุทิศตนของนักบวชที่มุ่งหวังจะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวมนั่นเอง