Paulaner (เพาลาเนอร์)

Paulaner: มากกว่าแค่เบียร์ แต่คือมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมิวนิก

"Paulaner" (เพาลาเนอร์) ไม่ได้เป็นเพียงชื่อของโรงเบียร์ชื่อดัง แต่เป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์อันยาวนานและความเชี่ยวชาญในการผลิตเบียร์ของประเทศเยอรมนี โรงเบียร์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองมิวนิก แคว้นบาวาเรีย และมีรากฐานที่ลึกซึ้งจากการก่อตั้งโดยคณะนักบวช Paulaner (หรือ The Order of Minims) ในปีค.ศ. 1634 ปัจจุบัน Paulaner ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในหกโรงเบียร์อันทรงเกียรติที่มีสิทธิ์ผลิตเบียร์สำหรับเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Oktoberfest ซึ่งเป็นงานรื่นเริงระดับตำนานที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก

จุดเริ่มต้นจากอาราม: เบียร์แห่งศรัทธาและการแบ่งปัน

อิทธิพลของคริสตศาสนจักรมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมการทำเบียร์ในเยอรมนีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยมีอารามมากกว่า 100 แห่งที่รังสรรค์เบียร์อันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองขึ้นมา จุดเริ่มต้นของโรงเบียร์ Paulaner ก็เช่นเดียวกัน เกิดจากการที่กลุ่มนักบวชประจำอาราม Neudeck ob der Au ในเมืองมิวนิก ได้เริ่มผลิตเบียร์ขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อันสูงส่ง นั่นคือการแจกจ่ายให้กับผู้คนยากไร้ และจำหน่ายในร้านกินดื่มของอาราม เพื่อเป็นแหล่งรายได้และเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตประจำวัน

เบียร์ที่ผลิตขึ้นในสมัยนั้นเป็นเบียร์ที่ยึดมั่นในกฎ "Reinheitsgebot" ซึ่งเป็นกฎแห่งความบริสุทธิ์ของเบียร์ที่ประกาศใช้ในปี 1516 กำหนดให้ใช้ส่วนผสมเพียงสามชนิดเท่านั้น ได้แก่ น้ำ ข้าวบาร์เลย์ และฮอปส์ (ก่อนที่จะมีการเพิ่มยีสต์เข้ามาในภายหลัง) เบียร์ในยุคแรกเริ่มของ Paulaner มีชื่อว่า "the Paulaner Salvator" ซึ่งเป็นเบียร์ที่มีความเข้มข้นสูง มีสีน้ำตาลเข้ม และมีกลิ่นหอมคล้ายช็อกโกแลตอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานและเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ได้รับแจกจ่ายและผู้มาเยือนอาราม

จากข้อร้องเรียน สู่การเฉลิมฉลอง: กำเนิด Paulaner Salvator

ชื่อของโรงเบียร์ Paulaner ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1634 โดยเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารที่ชาวเมืองมิวนิกยื่นร้องเรียนต่อทางการ เนื่องจากมองว่าการที่นักบวชผลิตเบียร์จำหน่ายนั้นเป็นการทำธุรกิจแข่งขันกับประชาชนทั่วไป แม้จะเป็นการร้องเรียน แต่ในปัจจุบัน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ จึงถูกยึดถือเป็นวันที่ก่อตั้งโรงเบียร์ Paulaner ไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1751 เมื่อเหล่านักบวช Paulaner ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากผู้ปกครองแคว้นบาวาเรีย ให้ผลิตเบียร์สำหรับเสิร์ฟในงานเฉลิมฉลองวันนักบุญฟรานซิสแห่ง Paola ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคณะนักบวชนี้ เบียร์ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับงานนี้ถูกเรียกว่า "St. Vater Bier" (Saint Father Beer) ซึ่งในเวลาต่อมา คำว่า St. Vater ก็ถูกเรียกผิดเพี้ยนไปจนกลายเป็นที่มาของชื่อ "Salvator" อันโด่งดังของ Paulaner นั่นเอง

ในงานเฉลิมฉลองนี้ นอกจากจะมีสาธารณชนเข้าร่วมอย่างคับคั่งแล้ว ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือการเชิญผู้ปกครองแคว้นบาวาเรียในเวลานั้นๆ มาเป็นผู้ที่ได้ลิ้มรสเบียร์ที่ถูกต้มขึ้นในรอบนั้นเป็นคนแรก และรับมอบเบียร์นี้ในปริมาณ 1 ลิตร ธรรมเนียมนี้ยังคงดำเนินต่อไปในเทศกาล "Starkbierfest" (เทศกาลเบียร์เข้มข้น) ประจำเมืองมิวนิกในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผูกพันอันยาวนานระหว่าง Paulaner กับวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ของบาวาเรีย

การพัฒนาและเปลี่ยนแปลง: จากอารามสู่โรงเบียร์สาธารณะ

ในปีค.ศ. 1780 โรงผลิตเบียร์แห่งนี้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ผลิตและเสิร์ฟเบียร์ของตนเองได้อย่างอิสระอย่างเต็มที่ และกลายเป็น "โรงเบียร์ Paulaner" อย่างเป็นทางการ พวกเขาได้พัฒนาวิธีการและอุปกรณ์ในการต้มเบียร์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การนำของ Valentin Stephen Stil หรือที่รู้จักกันในชื่อนักบวช Barnabas ผู้ซึ่งมาเยือนอาราม Neudeck ob der Au ในปีค.ศ. 1806 สูตรเบียร์ที่เขาคิดค้นขึ้นยังคงเป็นต้นแบบสำคัญของเบียร์ Paulaner ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงวิสัยทัศน์และความสามารถในการสร้างสรรค์ของเขา

จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเกิดขึ้นเมื่อกิจการทั้งหมดของโรงเบียร์ Paulaner ถูกซื้อไปโดย Franz Xaver Zacherl ในปีค.ศ. 1818 ทำให้โรงเบียร์แห่งนี้กลายเป็นเบียร์ของประชาชนโดยสมบูรณ์ ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของคณะนักบวชอีกต่อไป แต่ยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งคุณภาพและประเพณีดั้งเดิมไว้

Paulaner และ Oktoberfest: ตำนานที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกัน

ในระยะเวลาที่คาบเกี่ยวกันนี้เอง ในเดือนตุลาคมปีค.ศ. 1810 ได้มีการจัดงานรื่นเริงครั้งประวัติศาสตร์เพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชาย Ludwig แห่งบาวาเรีย และเจ้าหญิง Marry แห่งแซกโซนี-ฮิลด์เบิร์กเฮาส์เซน โดยเป็นงานที่เปิดให้สาธารณชนเข้าร่วมในทุ่งกว้างนอกกำแพงเมืองมิวนิก งานรื่นเริงครั้งนี้ได้รับการจดจำในฐานะ "Oktoberfest" ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และกลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก

แปดปีหลังจาก Oktoberfest ครั้งแรก จึงเริ่มมีการจัดตั้งซุ้มเบียร์ต่างๆ ขึ้นภายในงาน และ Paulaner ก็ได้รับสิทธิ์ในการเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายเบียร์ภายใน Oktoberfest เนื่องจากเบียร์ของพวกเขาถูกผลิตอย่างถูกต้องตามกฎ Reinheitsgebot และเป็นเบียร์ที่ผลิตภายในเมืองมิวนิกเท่านั้น การที่ Paulaner เป็นหนึ่งใน "Munich Six" หรือหกโรงเบียร์หลักของ Oktoberfest ได้ตอกย้ำถึงสถานะอันเป็นตำนานและคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

นวัตกรรมและชื่อเสียงระดับโลกของ Paulaner

Paulaner นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเบียร์ที่เป็นผู้นำในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นโรงเบียร์แห่งแรกที่นำเทคโนโลยีตู้เย็นที่ประดิษฐ์โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง Carl von Linde มาใช้งานในปีค.ศ. 1881 นวัตกรรมนี้ปฏิวัติวงการเบียร์ ทำให้สามารถผลิตเบียร์ได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องรอให้ถึงฤดูหนาวเท่านั้น

นอกจากเบียร์ Salvator แบบดั้งเดิมแล้ว เบียร์อีกชนิดหนึ่งของ Paulaner ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งคือ "Weissbier" หรือเบียร์ข้าวสาลี ซึ่งมีสีอ่อนและมีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายผลไม้ เป็นที่ชื่นชอบของคอเบียร์ทั่วโลก และ Paulaner ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นผู้ผลิตเบียร์ข้าวสาลีปราศจากแอลกอฮอล์รายแรกของโลก ซึ่งเปิดตัวในปีค.ศ. 1986 โดยปัจจุบันใช้ชื่อทางการค้าว่า "Hefe Weissbier Non-Alcoholic" แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและความมุ่งมั่นในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย

ในปัจจุบัน Paulaner อยู่ภายใต้การบริหารของตระกูล Schörghuber ซึ่งเข้าซื้อกิจการตั้งแต่ปีค.ศ. 1979 และยังคงรักษาชื่อเสียงและความเป็นเลิศไว้ได้เป็นอย่างดี Paulaner เป็น 1 ใน 6 เบียร์เยอรมนีที่ขายดีที่สุดในโลก มีการส่งออกไปยังกว่า 70 ประเทศ รวมถึงการจัดอีเวนท์ Oktoberfest ในหลากหลายประเทศเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมเบียร์เยอรมัน นอกจากนี้ ยังมีการวางจำหน่าย Lager ชนิดพิเศษ "Paulaner Oktoberfest" ในทุกฤดูใบไม้ร่วงในอเมริกา ซึ่งเป็นที่รอคอยของคอเบียร์ในทุกปี

Paulaner มีเบียร์ที่ผลิตมากถึง 13 ชนิดภายใต้สามประเภทหลัก ได้แก่ Wheat Beer (Weissbier), Munich Beer และ Specialty Beer ความหลากหลายนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และตอบสนองทุกรสนิยม และด้วยความสำเร็จในการส่งออกเบียร์มากกว่า 100 ล้านลิตรทั่วโลกในปีค.ศ. 2016 Paulaner จึงตอกย้ำสถานะของตนเองในฐานะผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเบียร์อย่างแท้จริง