Hoki Fish (ปลาโฮกิ)
Hoki Fish: ดาวเด่นแห่งอุตสาหกรรมอาหารทะเล
Hoki Fish (ปลาโฮกิ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Blue Grenadier หรือ Blue Hake เป็นปลาทะเลเนื้อขาวที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก ด้วยขนาดที่จัดว่ากลางถึงใหญ่ เนื้อปลาโฮกิมีสีขาวนวลสะอาด เนื้อสัมผัสนุ่มละมุน และมีรสชาติอ่อนหวาน ไม่คาวจัด ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการนำไปประกอบอาหารหลากหลายเมนูทั่วโลก เช่น เมนูคลาสสิกอย่างฟิชแอนด์ชิปส์ รวมถึงการแปรรูปเป็นปลาฟิเลต์แช่แข็งเพื่อความสะดวกในการบริโภค
ปลาโฮกิมีถิ่นกำเนิดหลักอยู่ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ โดยเฉพาะในบริเวณน่านน้ำรอบประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยตามธรรมชาติที่สำคัญของปลาชนิดนี้ ปลาโฮกิอาศัยอยู่ในน้ำลึก ตั้งแต่ 10 เมตรไปจนถึงเกือบ 1,000 เมตร และมักจะรวมตัวกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ในบริเวณไหล่ทวีปและหุบเหวใต้น้ำ ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ โดยเฉลี่ยความยาวประมาณ 60-120 เซนติเมตร ปลาโฮกิจึงเป็นสัตว์นักล่าที่สำคัญและมีบทบาทในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศใต้ทะเล
การประมงที่ยั่งยืนในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของนิวซีแลนด์
การประมงปลาโฮกิในเชิงพาณิชย์เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในช่วงปลายทศวรรษ 1970 (ปี ค.ศ. 1970 ถึง ค.ศ. 1979) โดยนิวซีแลนด์เป็นผู้เล่นหลักและเป็นประเทศชั้นนำในการจับปลาชนิดนี้ เนื่องจากมีปริมาณปลาโฮกิอุดมสมบูรณ์ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (Exclusive Economic Zone: EEZ) ของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นิวซีแลนด์มีสิทธิ์ในการสำรวจและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล
เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศนิวซีแลนด์นั้นถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจจำเพาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่อย่างน้อย 4,083,744 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่บนบกของประเทศถึงประมาณ 15 เท่า (ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าประมาณ 4.3 ล้านตารางกิโลเมตร) ความกว้างใหญ่ของพื้นที่นี้ทำให้แหล่งทรัพยากรปลาโฮกิมีความสมบูรณ์
แม้จะมีการประมงเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย แต่เนื่องจากปลาโฮกิเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรลึก การเพาะเลี้ยงปลาโฮกิในฟาร์มจึงยังไม่เป็นที่แพร่หลาย หรือมีรายงานถึงความสำเร็จในเชิงอุตสาหกรรมเทียบเท่ากับปลาทะเลชนิดอื่น เช่น ปลาแซลมอน หรือปลาทูน่า ดังนั้น การประมงปลาโฮกิส่วนใหญ่จึงยังคงพึ่งพาการจัดหาจากแหล่งทะเลธรรมชาติเป็นหลัก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว รัฐบาลนิวซีแลนด์จึงมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการทำประมงเกินขนาดและความยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล พวกเขาจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการบริหารจัดการการประมงปลาโฮกิอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
มีการนำระบบ โควตาการจับปลา (Quota Management System - QMS) มาใช้อย่างเคร่งครัด ระบบ QMS นี้มีหลักการสำคัญคือการกำหนด โควตา หรือ ปริมาณการจับสูงสุดที่อนุญาต สำหรับปลาแต่ละชนิดในแต่ละพื้นที่การจัดการ เพื่อควบคุมปริมาณการจับปลาไม่ให้เกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้ เพื่อรักษาสมดุลของประชากรปลาโฮกิในธรรมชาติ และเพื่อให้การทำประมงมีความยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนี้ การประมงปลาโฮกิของนิวซีแลนด์ยังได้รับการรับรองจากองค์กร Marine Stewardship Council (MSC) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับการประมงที่ยั่งยืน การรับรองนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าปลาโฮกิที่จับได้จากนิวซีแลนด์มาจากแหล่งที่บริหารจัดการอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าการเลือกซื้อปลาโฮกิมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเลและสนับสนุนการประมงที่ไม่ทำลายธรรมชาติ
เหตุผลที่ Hoki Fish ได้รับความนิยมทั่วโลก
ปัจจุบันปลาโฮกิได้รับความนิยมอย่างสูงในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกด้วยคุณสมบัติเด่นหลายประการ ได้แก่ :
- เนื้อปลาสีขาวนวล และรสชาติอ่อนโยน: ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสชาติคาวจัดของปลาทะเลบางชนิด เนื้อปลาโฮกิสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายโดยไม่กลบรสชาติของเครื่องปรุง จึงเหมาะกับเมนูที่ต้องการเน้นรสชาติของวัตถุดิบอื่น ๆ
- เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน: เมื่อสุกแล้วเนื้อปลาโฮกิจะมีความฟูและนุ่มลิ้น ทำให้เหมาะกับการทำฟิชแอนด์ชิปส์ ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมที่มักใช้ปลาเนื้อขาวที่มีเนื้อสัมผัสดีในการปรุง
- ไขมันต่ำ และโปรตีนสูง: ปลาโฮกิเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่มีไขมันต่ำ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพสำหรับผู้ที่ต้องการบริโภคโปรตีนคุณภาพสูงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไขมันส่วนเกิน
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ประกอบกับการบริหารจัดการการประมงอย่างยั่งยืน ทำให้ปลาโฮกิเป็นหนึ่งในตัวเลือกปลาทะเลที่น่าสนใจและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก