Yakgwa (ยักกวา, 약과)

Yakgwa (ยักกวา, 약과) คือขนมหวานดั้งเดิมของเกาหลีที่มีลักษณะคล้ายคุกกี้ ตัวขนมทำจากแป้งสาลีทอด แล้วนำไปแช่ในน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำผึ้ง น้ำมันงา และน้ำขิง ทำให้มีรสชาติหวานหอม และมีเนื้อสัมผัสที่เหนียวหนึบ

ความหมายของชื่อ Yakgwa

คำว่า Yakgwa มาจากภาษาจีน-เกาหลี โดยคำว่า 약; 藥 (ยัก) หมายถึง ยา และ 과; 菓 (กวา) หมายถึง ขนม เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่าขนมยา หรือขนมที่มีลักษณะคล้ายยา ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อของชาวเกาหลีในอดีตที่มีต่อส่วนผสมหลักของ Yakgwa นั่นก็คือน้ำผึ้ง ชาวเกาหลีเชื่อว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบำรุงร่างกาย ดังนั้น Yakgwa จึงไม่ได้เป็นเพียงขนมหวานอย่างเดียวแต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการ และความหมายเชิงสัญลักษณ์ด้วย

จุดเริ่มต้นในยุคสามก๊กของเกาหลี

ประวัติศาสตร์ของ Yakgwa เริ่มต้นขึ้นในยุคสามก๊กของเกาหลี (57 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 668) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาบสมุทรเกาหลีแบ่งออกเป็นสามอาณาจักรหลัก ได้แก่ Goguryeo (โคกูรยอ), Baekje (แพคเจ) และ Silla (ซิลลา)

บทบาทของพุทธศาสนาในการกำเนิด Yakgwa

ช่วงเวลานี้พุทธศาสนาเริ่มแพร่หลายเข้าสู่เกาหลี ซึ่งการเข้ามาของพุทธศาสนาส่งผลกระทบอย่างมากต่อวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของชาวเกาหลี เนื่องจากหลักคำสอนทางพุทธศาสนาห้ามการบริโภคเนื้อสัตว์ จึงต้องหาอาหารประเภทอื่นมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา และการบูชาบรรพบุรุษ ดังนั้น Yakgwa จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ โดยทำหน้าที่เป็นของเซ่นไหว้ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ

กระบวนการทำ Yakgwa แบบดั้งเดิม

ในยุคแรกการทำ Yakgwa มีกระบวนการที่ซับซ้อน และต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องควบคุมอุณหภูมิน้ำมัน และความเข้มข้นของน้ำผึ้งให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม

ส่วนประกอบหลักและคุณค่าทางยา

ส่วนประกอบหลักของ Yakgwa แบบดั้งเดิมประกอบด้วยแป้งข้าวเจ้า น้ำผึ้ง น้ำมันงา น้ำขิง อบเชย และพริกไทยดำเล็กน้อย โดยแต่ละส่วนประกอบมีความหมาย และความสำคัญเป็นของตัวเอง น้ำผึ้งให้ความหวาน มีสรรพคุณบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ น้ำมันงาให้กลิ่นหอม มีสรรพคุณบำรุงกระดูก และข้อต่อ น้ำขิงช่วยในการย่อยอาหาร และมีสรรพคุณเป็นยา ส่วนอบเชย และพริกไทยดำช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อนอ่อน ๆ ที่สร้างสมดุลให้กับความหวาน

ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของลวดลาย Yakgwa

นอกจากส่วนประกอบที่มีความหมายแล้ว รูปแบบ และลวดลายของ Yakgwa ก็มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่หลากหลายเช่นกัน บางลวดลายหมายถึงความสุขสมหวังในชีวิตคู่ เช่น รูปผีเสื้อ ในขณะที่บางลายสื่อถึงโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง เช่น รูปค้างคาว หรือรูปดอกไม้ที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ และการเริ่มต้นใหม่ของปี

ความนิยมในสมัยราชวงศ์โครยอ

ต่อมาในสมัยราชวงศ์โครยอ (ค.ศ. 918-1392) พุทธศาสนาได้รับการสถาปนาให้เป็นศาสนาประจำชาติของเกาหลี ด้วยเหตุนี้ Yakgwa จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางในทุกชนชั้นของสังคม ตั้งแต่ขุนนาง วัด ไปจนถึงครัวเรือนทั่วไป

การใช้ Yakgwa ในพิธีกรรมและสังคม

ในยุคนี้ Yakgwa ไม่ได้ถูกใช้แค่ในพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการต่าง ๆ ทางสังคม เช่น พิธีแต่งงาน การเฉลิมฉลอง และการต้อนรับแขก ว่ากันว่าความนิยมของ Yakgwa ในยุคนี้มีมากจนถึงขั้นที่กษัตริย์บางพระองค์ต้องออกกฎหมาย เพื่อควบคุมการบริโภค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแพร่หลายของขนมชนิดนี้ในสังคมอย่างชัดเจน

การแพร่กระจายสูตร Yakgwa ไปยังจีน

นอกจากนี้ในยุคนี้ความนิยมของ Yakgwa ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเกาหลีเท่านั้น แต่สูตร และวิธีการทำ Yakgwa ได้แพร่กระจายไปสู่ประเทศจีน โดยการแพร่กระจายนี้เกิดจากการแลกเปลี่ยนทางการค้า และวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ โดยพ่อค้าที่เดินทางค้าขายระหว่างประเทศเกาหลี และจีนได้นำสูตร และประสบการณ์ในการทำ Yakgwa ไปแลกเปลี่ยนกัน ทำให้ขนมชนิดนี้กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

การเสื่อมความนิยมในศตวรรษที่ 20

หลังจากยุคโบราณที่รุ่งเรือง Yakgwa ก็เริ่มสูญเสียความนิยมในช่วงศตวรรษที่ 20 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสังคม และการเข้ามาของขนมหวานสมัยใหม่จากตะวันตก กระบวนการทำที่ซับซ้อน และใช้เวลานานทำให้คนรุ่นใหม่หันไปบริโภคขนมที่สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น

การฟื้นฟู Yakgwa ในยุคใหม่

อย่างไรก็ตามในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Yakgwa ได้รับการฟื้นฟู และกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะจากกระแสความสนใจในอาหาร และวัฒนธรรมดั้งเดิมของเกาหลี ซึ่งทำให้คนทั่วโลกหันมาสนใจวัฒนธรรมเกาหลี รวมถึงอาหารดั้งเดิมอย่าง Yakgwa ด้วย

ในยุคปัจจุบัน Yakgwa กลายเป็นของขวัญที่นิยมมอบให้กันในเทศกาลสำคัญ เช่น วันปีใหม่เกาหลี และเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งสื่อถึงความปรารถนาดี และความหวังสำหรับความเจริญรุ่งเรืองในปีใหม่