Multimalt Dinner Roll (มัลติมอลต์ ดินเนอร์ โรล)
Multimalt Dinner Roll (มัลติมอลต์ ดินเนอร์ โรล) คือขนมปังโรลขนาดเล็กสำหรับเสิร์ฟในมื้ออาหารเย็น ซึ่งมีจุดเด่นจากการใช้ธัญพืชหลายชนิด และมอลต์เป็นส่วนผสมหลัก ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติดีกว่าขนมปังขาวทั่วไป
ใยอาหารจากเปลือกธัญพืชที่เหลืออยู่ในมอลต์ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหาร โดยการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าการบริโภคใยอาหารจากธัญพืชหลายชนิดมีประสิทธิภาพมากกว่าการบริโภคจากแหล่งเดียว
สารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ เช่น Phenolic compounds และ Flavonoids ที่พบในมอลต์ ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และปกป้องเซลล์จากความเสียหาย สารเหล่านี้มีความเสถียรสูง และสามารถรอดจากกระบวนการอบได้
Multimalt Dinner Roll สามารถรักษาความสดได้นานขึ้น หากเก็บในภาชนะสุญญากาศ หรือถุงซิปล็อค โดยสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานประมาณ 3-4 วัน และถ้าต้องการเก็บในระยะยาวสามารถนำไปแช่แข็งได้ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อต้องการบริโภคให้ใช้เตาอบที่อุณหภูมิ 180-200°C อบประมาณ 2-5 นาที เพื่อให้ขนมปังกลับมามีความกรอบนอกนุ่มใน หรืออาจใช้อุปกรณ์เช่นเครื่องปิ้งขนมปัง และหม้อทอดลมร้อนแทนได้
ต้นกำเนิดของ Dinner Roll ในยุโรป
Multimalt Dinner Roll ได้รับการพัฒนามาจากขนมปังก้อนเล็กแบบยุโรปโบราณที่เรียกว่า Dinner Roll ซึ่งปรากฏครั้งแรกบนโต๊ะอาหารของชนชั้นสูงในประเทศอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 12-13 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อใช้เป็นอาหารเสริมในมื้ออาหารการแพร่หลายและการพัฒนาสูตร
เมื่อเวลาผ่านไป Dinner Roll เหล่านี้ก็ได้รับการพัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยได้รับอิทธิพลจากการค้าขายระหว่างประเทศที่นำเข้าเครื่องเทศ เทคนิคการทำขนมปัง และส่วนผสมใหม่ ๆ มาสู่ทวีปยุโรป โดยความหลากหลายของส่วนผสมนี้ทำให้เกิด Dinner Roll หลายชนิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวการนำ Dinner Roll เข้าสู่ทวีปอเมริกาเหนือ
เมื่อผู้อพยพชาวยุโรปเดินทางมายังทวีปอเมริกาเหนือ พวกเขาก็นำเอาเทคนิคการทำ Dinner Roll ติดตัวมาด้วย แต่ด้วยสภาพแวดล้อม และวัตถุดิบที่แตกต่างกัน ทำให้ต้องมีการปรับปรุง และพัฒนาสูตรให้เหมาะสมกับท้องถิ่นจุดเปลี่ยนสำคัญ Parker House Roll
จุดเปลี่ยนสำคัญของการพัฒนา Dinner Roll เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1870 ณ โรงแรม Parker House ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีการคิดค้น Parker House Roll ขึ้นโดยบังเอิญจากอุบัติเหตุในครัวของโรงแรม ซึ่งขนมปังชนิดนี้ได้กลายเป็นต้นแบบสำคัญของ America's First Soft Dinner Rollลักษณะเด่นของ Parker House Roll
Parker House Roll มีลักษณะเด่นอยู่ที่เนื้อขนมปังนุ่ม หอมกลิ่นเนย และมีรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากการพับแป้งครึ่งหนึ่งก่อนนำไปอบ โดยการเกิดขึ้นของขนมปังชนิดนี้ไม่เพียงแต่ปฏิวัติโลกของ Dinner Roll ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้นักพัฒนาขนมปังรุ่นใหม่ในการทดลองสูตร และเทคนิคใหม่ ๆ อีกด้วยการพัฒนา Multimalt Dinner Roll
Multimalt Dinner Roll ได้รับการพัฒนาโดยการนำแป้งมัลติมอลต์หลายชนิดมาผสมผสาน เพื่อเพิ่มรสชาติ กลิ่นหอม และคุณค่าทางโภชนาการแป้งมัลติมอลต์คืออะไร
แป้งมัลติมอลต์ คือแป้งที่สกัดจากมอลต์ ซึ่งผ่านกระบวนการแปรรูปจากธัญพืช เช่น ข้าวบาร์เลย์ แป้งชนิดนี้อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมาย รวมถึงเอนไซม์ และน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ขนมปังมีรสชาติหวานนวล และช่วยในการขึ้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพกระบวนการผลิต Multimalt Dinner Roll
การผลิต Multimalt Dinner Roll เริ่มต้นด้วยการเตรียมมอลต์หลายชนิด โดยแต่ละชนิดต้องผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าเอนไซม์ และสารอาหารยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ นอกจากนี้กระบวนการงอกของธัญพืชจะต้องถูกหยุดในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ปริมาณเอนไซม์ตามที่ต้องการเทคนิคการผสมแป้งพิเศษ
ขั้นตอนการผสมแป้งสำหรับ Multimalt Dinner Roll ต้องใช้เทคนิคพิเศษ เนื่องจากมอลต์แต่ละชนิดมีอัตราการดูดซึมน้ำที่แตกต่างกัน ดังนั้นการผสมแป้งจึงต้องทำเป็นระยะ โดยเริ่มจากมอลต์ที่ดูดซึมน้ำช้าที่สุดก่อน แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มมอลต์ชนิดอื่นตามลำดับการหมักแบบสองขั้นตอน
กระบวนการหมักแป้งสำหรับ Multimalt Dinner Roll ต้องใช้เวลานานกว่าขนมปังปกติ เนื่องจากเอนไซม์จากมอลต์ต้องการเวลาในการทำงานอย่างเต็มที่ จึงมักใช้เทคนิคการหมักแบบสองขั้นตอน (Two-stage fermentation) โดยขั้นตอนแรกจะเน้นให้เอนไซม์ทำงานอย่างเต็มที่ และขั้นตอนที่สองจะเน้นให้ยีสต์ทำงานเพื่อสร้างก๊าซ และทำให้แป้งขึ้นฟูคุณค่าทางโภชนาการของ Multimalt Dinner Roll
Multimalt Dinner Roll มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหนือกว่าขนมปังทั่วไปอย่างชัดเจน โดยการผสมผสานมอลต์จากธัญพืชหลายชนิดทำให้ขนมปังชนิดนี้มีวิตามิน B Complex ในปริมาณสูง โดยเฉพาะวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 และกรดโฟลิก ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท และการเผาผลาญพลังงานในร่างกายแร่ธาตุที่สำคัญต่อสุขภาพ
แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ซิงค์ และเหล็ก มีปริมาณสูงกว่าขนมปังปกติ 2-3 เท่า โดยแร่ธาตุเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำงานของเอนไซม์ การสร้างโลหิตแดง และการรักษาความแข็งแรงของกระดูกใยอาหารจากเปลือกธัญพืชที่เหลืออยู่ในมอลต์ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหาร โดยการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าการบริโภคใยอาหารจากธัญพืชหลายชนิดมีประสิทธิภาพมากกว่าการบริโภคจากแหล่งเดียว
สารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ เช่น Phenolic compounds และ Flavonoids ที่พบในมอลต์ ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และปกป้องเซลล์จากความเสียหาย สารเหล่านี้มีความเสถียรสูง และสามารถรอดจากกระบวนการอบได้
การแพร่หลายสู่เอเชียในศตวรรษที่ 21
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ความนิยมของ Multimalt Dinner Roll ได้แพร่กระจายจากยุโรป และอเมริกาเหนือเข้าสู่ตลาดเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสูง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์การปรับสูตรให้เข้ากับรสนิยมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการปรับปรุงสูตรเพื่อให้เหมาะสมกับรสนิยมท้องถิ่น เช่น การเพิ่มมอลต์จากข้าว หรือธัญพืชท้องถิ่น การลดความหวาน และการปรับเนื้อสัมผัสให้นุ่มขึ้น ซึ่งเป็นการดัดแปลงที่ได้รับความนิยมอย่างสูงMultimalt Dinner Roll สามารถรักษาความสดได้นานขึ้น หากเก็บในภาชนะสุญญากาศ หรือถุงซิปล็อค โดยสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานประมาณ 3-4 วัน และถ้าต้องการเก็บในระยะยาวสามารถนำไปแช่แข็งได้ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อต้องการบริโภคให้ใช้เตาอบที่อุณหภูมิ 180-200°C อบประมาณ 2-5 นาที เพื่อให้ขนมปังกลับมามีความกรอบนอกนุ่มใน หรืออาจใช้อุปกรณ์เช่นเครื่องปิ้งขนมปัง และหม้อทอดลมร้อนแทนได้
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จัก Kimchi Bokkeumbap (กิมจิ บกกึมบับ, 김치볶음밥) หรือข้าวผัดกิมจิอาหารจานยอดนิยมในประเทศเกาหลีใต้