แชร์

Dashi (ดาชิ)

ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ดาชิ (Dashi) เป็นคำที่ใช้เรียกเครื่องปรุงรสในรูปของน้ำซุปหรือน้ำสต็อก โดยถูกใช้อย่างกว้างขวางในอาหารญี่ปุ่นประเภทต่างๆ เพื่อเพิ่มความกลมกล่อม ซึ่งจริงๆ แล้วดาชิสามารถทำได้จากวัตถุดิบหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น สาหร่ายคอมบุ (Kombu), เห็ดหอม (Shiitake), ปลาคัตสึโอะ (Katsuobushi - ปลาโอแห้ง), นิโบชิหรืออิริโกะ (Niboshi/Iriko - ปลาเล็กแห้ง), ปลาแมคเคอเรล (Mackerel) และปลาซาร์ดีนแห้ง (Sardine) วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกถึงหัวใจสำคัญของรสชาติอาหารญี่ปุ่นนี้กันค่ะ

ต้นกำเนิดของดาชิ: จากยุคโจมงสู่ราชสำนักเฮอัน

ต้นกำเนิดของดาชิสามารถสืบย้อนไปถึงญี่ปุ่นโบราณใน สมัยโจมง (Jomon Period) เมื่อ 16,000 ถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเกิดจากแนวคิดในการนำปลาและสาหร่ายทะเลมาสกัดเอารสชาติ แต่อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ไม่ได้มีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะในวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกก็มีแนวทางการปฏิบัติที่คล้ายคลึงกันในหลายประเทศ

ในสมัยโจมง ชาวญี่ปุ่นมีชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์และการเก็บพืชผักหลากหลายชนิดมารับประทาน ซึ่งพืชผักเหล่านี้บางชนิดก็มีรสชาติขมไม่ค่อยอร่อยหากบริโภคดิบ ด้วยเหตุนี้เองชาวญี่ปุ่นในยุคนั้นจึงเริ่มนำผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ มาต้ม จนพบว่าอาหารเหล่านั้นมีรสชาติที่ดีมากขึ้นหลังจากต้มแล้ว โดยการค้นพบนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นของดาชิ

อย่างไรก็ตาม จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าการนำ สาหร่ายคอมบุ (Kombu) มาใช้ทำดาชินั้นมีประวัติย้อนกลับไปใน สมัยเฮอัน (Heian Period, 794-1185) ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในราชสำนัก โดยมีสูตรปรากฏอยู่ในพจนานุกรมที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งในยุคนั้นสาหร่ายคอมบุจะถูกเรียกว่า ฮิโรเมะ (Hirome) หรือ เอบิสึเมะ (Ebisume) นอกจากนี้ในสมัยเฮอัน ยังมีเรื่องราวที่เขียนขึ้นเกี่ยวกับการนำ ปลาคัตสึโอะ (Katsuobushi) หรือโบนิโตะ (Bonito) แห้ง มาใช้ในการทำดาชิอีกด้วย

การพัฒนาของดาชิในยุคต่อมา: ทางเลือกที่หลากหลาย

ต่อมาใน สมัยมูโรมาจิ (Muromachi Period, 1336-1573) ก็เริ่มมีการนำ เห็ดหอม (Shiitake) มาใช้ทำดาชิ ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ โดยจะนิยมนำเห็ดหอมแห้งมาผสมกับคอมบุ ทำเป็นดาชิอีกหนึ่งรูปแบบที่มีรสชาติเข้มข้นและกลมกล่อม

ต่อมาใน ยุคเอโดะ (Edo Period, 1603-1867) ดาชิได้รับการพัฒนาให้เป็นอาหารสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งมีการตีพิมพ์สูตรที่หลากหลายในตำราอาหาร จนดาชิได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ส่งผลทำให้คอมบุและปลาคัตสึโอะแห้งมีราคาแพงมากจนคนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก ทำให้คนทั่วไปเริ่มนำ อิริโกะ (Iriko - ปลาเล็กแห้ง) มาใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อทดแทนปลาคัตสึโอะแห้ง

ต่อมาใน สมัยเมจิ (Meiji Period, 1868-1912) ปลาคัตสึโอะแห้งเริ่มมีการผลิตเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่อื่นๆ แต่ก็ยังคงมีราคาแพงสำหรับคนทั่วไป ทำให้มีการนำ ปลาแมคเคอเรลและปลาซาร์ดีนแห้ง มาใช้แทน โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่เมืองโอซาก้า จากนั้นก็เริ่มแพร่หลายไปทั่วประเทศ

ดาชิในปัจจุบัน: หัวใจที่เข้าถึงได้ง่าย

ปัจจุบัน ดาชิ ยังคงเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยส่งเสริมรสชาติของอาหารหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นซุปมิโซะ, ราเมง, อุด้ง, หรืออาหารต้มต่างๆ นอกจากนี้นวัตกรรมการทำอาหารสมัยใหม่ยังทำให้ดาชิง่ายต่อการรับประทาน โดยมี ดาชิสำเร็จรูป ทั้งแบบผง แบบซอง หรือแบบน้ำเข้มข้นจำหน่าย ทำให้ไม่ต้องเตรียมแบบดั้งเดิมที่ใช้เวลานาน ด้วยเหตุนี้เองดาชิจึงกลายเป็นอาหารที่เข้าถึงได้ง่ายในหลายครัวเรือน จนก้าวข้ามขอบเขตของญี่ปุ่นกลายเป็นที่รู้จักในหลายประเทศทั่วโลก

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Kimchi Bokkeumbap (กิมจิ บกกึมบับ, 김치볶음밥)
ทำความรู้จัก Kimchi Bokkeumbap (กิมจิ บกกึมบับ, 김치볶음밥) หรือข้าวผัดกิมจิอาหารจานยอดนิยมในประเทศเกาหลีใต้
Seolleongtang (ซอลลองทัง, 설렁탕)
ทำความรู้จัก Seolleongtang (ซอลลองทัง, 설렁탕) ซุปกระดูกวัวชนิดหนึ่งที่มีความโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอาหารของเกาหลี
Galbi (กัลบี, 갈비)
ทำความรู้จัก Galbi (กัลบี, 갈비) จากอาหารราชวงศ์สู่เมนูยอดนิยมของชาวเกาหลี
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ