Australian Beef (เนื้อวัวออสเตรเลีย)
Australian Beef (เนื้อวัวออสเตรเลีย) เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดของประเทศออสเตรเลีย และได้รับการยอมรับในระดับโลกว่ามีคุณภาพสูง มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล
แต่ปัจจุบันนี้ประเทศออสเตรเลียได้พัฒนาระบบใหม่ที่เรียกว่า Meat Standard Australia (MSA) ซึ่งเป็นระบบที่พิจารณาคุณสมบัติของเนื้ออย่างเช่น สีของเนื้อ อายุของวัว ความแน่นของเนื้อ ลักษณะของลายหินอ่อน รวมไปถึงค่าความเป็นกรดด่าง และอุณหภูมิ ปริมาณฮอร์โมน และยาปฏิชีวนะ จากนั้นจะแยกได้เป็น 9 ระดับ ตั้งแต่ M1-M9 โดย M1จะมีคุณภาพน้อยที่สุด และ M9 จะมีคุณภาพดีที่สุด
สามารถหาซื้อเนื้อวัวออสเตรเลียได้ที่ริมปิงนะคะ
จุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมเนื้อวัวออสเตรเลีย
ประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมเนื้อวัวออสเตรเลียเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1788 เมื่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอังกฤษกลุ่มแรกนำวัวเข้ามายังประเทศออสเตรเลีย แต่ในช่วงแรกการเลี้ยงวัวยังคงเติบโตอย่างช้า ๆ เนื่องจากมีความท้าทายในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ตั้งถิ่นฐานค่อย ๆ เข้าใจสภาพภูมิอากาศ และภูมิประเทศของออสเตรเลียมากขึ้น การเลี้ยงวัวก็เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็วการขยายตัวในศตวรรษที่ 19
ในช่วงศตวรรษที่ 19 การเลี้ยงวัวได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของออสเตรเลีย ผู้เลี้ยงวัวพบว่าสภาพภูมิอากาศ และทุ่งหญ้าธรรมชาติของออสเตรเลียมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเลี้ยงวัวแบบปล่อยทุ่ง ซึ่งเป็นระบบการเลี้ยงที่ใช้พื้นที่กว้างขวาง และปล่อยให้วัวหากินอาหารตามธรรมชาติการเติบโตของฝูงวัวในปี 1900
ในปี ค.ศ. 1900 จำนวนวัวในออสเตรเลียมีเพิ่มขึ้นมากกว่า 8.6 ล้านตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้ ได้แก่การขยายพื้นที่เลี้ยงสัตว์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง และความต้องการเนื้อวัวที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศวิกฤตการณ์อุตสาหกรรมเนื้อวัวในทศวรรษ 1970
ช่วงกลางทศวรรษ 1970 อุตสาหกรรมเนื้อวัวออสเตรเลียต้องเผชิญกับความยากลำบาก เนื่องจากราคาเนื้อวัวในตลาดโลกตกต่ำลงอย่างหนัก วิกฤตการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้จำนวนวัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เกษตรกรหลายรายต้องตัดสินใจลดขนาดฝูงวัว หรือจำต้องเลิกประกอบอาชีพเลี้ยงวัวไปเลยการฟื้นตัวและการพัฒนาคุณภาพในทศวรรษ 1980
อย่างไรก็ตามในช่วงทศวรรษ 1980 ความต้องการเนื้อวัวเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการเติบโตของชนชั้นกลางในประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้นอุตสาหกรรมเนื้อวัวออสเตรเลียจึงเริ่มขยายการผลิต และพัฒนาคุณภาพเนื้อวัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแบ่งเกรดเนื้อวัวด้วยระบบการแบ่งเกรดเนื้อวัว AUS-MEAT และ MSA
การแบ่งเกรดเนื้อวัวในระบบออสเตรเลียเดิมทีจะใช้มาตรฐานการแบ่งเกรดที่เรียกว่า AUS-MEAT ซึ่งจะแบ่งเป็นระดับ 0-9 ควบคู่ไปกับระบบ BMS เช่น AUS-MEAT no. 3 เท่ากับ BMS 3, AUS-MEAT no. 4 เท่ากับ BMS 4 และ AUS-MEAT no. 5 เท่ากับ BMS 5แต่ปัจจุบันนี้ประเทศออสเตรเลียได้พัฒนาระบบใหม่ที่เรียกว่า Meat Standard Australia (MSA) ซึ่งเป็นระบบที่พิจารณาคุณสมบัติของเนื้ออย่างเช่น สีของเนื้อ อายุของวัว ความแน่นของเนื้อ ลักษณะของลายหินอ่อน รวมไปถึงค่าความเป็นกรดด่าง และอุณหภูมิ ปริมาณฮอร์โมน และยาปฏิชีวนะ จากนั้นจะแยกได้เป็น 9 ระดับ ตั้งแต่ M1-M9 โดย M1จะมีคุณภาพน้อยที่สุด และ M9 จะมีคุณภาพดีที่สุด
มาตรฐานการแบ่งระดับไขมันแทรก (Marbling Score)
นอกจากนี้มาตรฐานการแบ่งเกรด Meat Standard Australia (MSA) ยังสามารถแบ่งเป็นระดับของไขมันแทรก หรือ Marbling Score ได้ตั้งแต่ 100-1,190 ซึ่งเนื้อระดับ M1 จะมีไขมันแทรกอยู่ที่ 300-400 และ M9 จะมีไขมันแทรกอยู่ที่อยู่ที่ 1,100 ขึ้นไปการส่งออกเนื้อวัวออสเตรเลียสู่ตลาดโลก
หลังจากเริ่มพัฒนาคุณภาพเนื้อวัวได้ไม่นานออสเตรเลียก็กลายเป็นผู้ผลิต และส่งออกเนื้อวัวรายใหญ่ของโลก โดยในปี ค.ศ. 1982 ออสเตรเลียส่งออกเนื้อวัว และเนื้อลูกวัวจำนวน 628,000 ตัน (628,000,000 กิโลกรัม) มีมูลค่า 1,177 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยครึ่งหนึ่งของการส่งออกถูกนำเข้าโดยสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นสายพันธุ์วัวคุณภาพที่ได้รับความนิยม
ออสเตรเลียมีการเลี้ยงวัวหลายสายพันธุ์ แต่ที่เป็นที่นิยม และได้รับการยอมรับในตลาดโลกคือสายพันธุ์ Black Angus และ Wagyu ที่มีลักษณะเด่นคือเนื้อมีไขมันแทรกสูง ซึ่งเพิ่มรสชาติ และความนุ่มนวลให้กับเนื้อ นอกจากนี้ยังมีเกรดเนื้อหลากหลายรองรับความต้องการของตลาด ตั้งแต่เนื้อวัวธรรมดาไปจนถึงระดับพรีเมียมสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการคุณภาพสูงสุดหลักการเลี้ยงวัวแบบ Grass-Fed และการเพิ่มคุณภาพเนื้อ
วัวในออสเตรเลียถูกเลี้ยงภายใต้หลักการ Grass-Fed หรือการกินหญ้าธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้อารมณ์ และสุขภาพวัวดีขึ้น นอกจากนี้ยังผ่านกระบวนการสมัยใหม่ในการตัดแต่ง และปรับปรุงรสชาติ เช่น กระบวนการ Meltique Process ที่เพิ่มความนุ่ม และความชุ่มฉ่ำให้กับเนื้อก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนแช่แข็งอย่างรวดเร็ว (Blast Freezing) เพื่อรักษาคุณภาพ และความสดใหม่ของเนื้อความยั่งยืนและการดูแลสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้อุตสาหกรรมเนื้อวัวออสเตรเลียยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และการจัดการทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบด้วย โดยการเลี้ยงวัวแบบปล่อยทุ่งที่เป็นหลักการของออสเตรเลียช่วยรักษาสภาพแวดล้อมธรรมชาติ และสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพความท้าทายในอนาคตและบทบาทระดับโลก
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเนื้อวัวออสเตรเลียเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์กว่าสองศตวรรษ ความมุ่งมั่นในคุณภาพ และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมเนื้อวัวออสเตรเลียยังคงมีบทบาทสำคัญในการจัดหาเนื้อวัวคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกสามารถหาซื้อเนื้อวัวออสเตรเลียได้ที่ริมปิงนะคะ
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จัก Multimalt Dinner Roll (มัลติมอลต์ ดินเนอร์ โรล) ขนมปังธัญพืชเพื่อสุขภาพ