Louis Pasteur (หลุยส์ ปาสเตอร์) "บิดาแห่งการพาสเจอร์ไรซ์"
Louis Pasteur และบทบาทต่อวงการวิทยาศาสตร์ศตวรรษที่ 19
Louis Pasteur (หลุยส์ ปาสเตอร์) คือหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่มีบทบาทสำคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในสาขาเคมี และจุลชีววิทยา ซึ่งผลงานของเขาในการคิดค้นวิธีการพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) ได้เปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อจุลินทรีย์ที่ส่งผลกระทบเชิงลึกต่อวงการอาหาร และวงการแพทย์เป็นอย่างมากชีวิตวัยเด็ก และความสนใจด้านวิทยาศาสตร์
Louis Pasteur เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1822 ณ เมืองโดล ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวชนชั้นกลาง ในวัยเด็กเขามีความสามารถพิเศษด้านศิลปะ โดยเฉพาะการวาดภาพ ซึ่งเขาได้สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดชิ้นแรกเมื่ออายุเพียง 13 ปี อย่างไรก็ตามพอโตขึ้นเป็นวัยรุ่นความสนใจของเขาก็เปลี่ยนไปสู่วิทยาศาสตร์เส้นทางการศึกษา และการเข้าสู่วงการวิชาการ
Louis Pasteur สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบซากอง โดยได้รับปริญญาตรีสาขาศิลปศาสตร์ในปี ค.ศ. 1840 และตามด้วยปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ในปี ค.ศ. 1842 ขณะมีอายุ 19 ปี หลังจากนั้นเขาได้ย้ายไปศึกษาต่อที่กรุงปารีส และเข้าเรียนที่ École Normale Supérieure เพื่อศึกษาด้านเคมี และฟิสิกส์ในปี ค.ศ. 1847 เขาได้รับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ จากนั้นก็ได้รับตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก่อนจะได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ทางด้านเคมีที่มหาวิทยาลัย Sorbonne ในปี ค.ศ. 1867
งานวิจัยด้านผลึก และการปูทางสู่เคมีอินทรีย์
งานวิจัยแรก ๆ ของ Louis Pasteur เกี่ยวข้องกับการศึกษาผลึก เขาค้นพบว่าทำไมผลึกบางชนิดสามารถบิดเบือนแสงได้ ในขณะที่ผลึกชนิดอื่นไม่สามารถทำได้ การค้นพบนี้นำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างโมเลกุล และความไครัล (Chirality) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของเคมีอินทรีย์สมัยใหม่จุดเริ่มต้นของการศึกษาการหมัก และการเน่าเสียอาหาร
ความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่าง Louis Pasteur กับวงการอาหารเริ่มต้นจากงานวิจัยด้านการหมัก และการเน่าเสียของอาหาร ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยอุตสาหกรรมไวน์ และเบียร์ของประเทศฝรั่งเศสประสบปัญหาครั้งใหญ่เกี่ยวกับการเน่าเสีย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติการพิสูจน์ว่าจุลินทรีย์คือสาเหตุการเน่าเสีย
Louis Pasteur เริ่มศึกษากระบวนการหมักอย่างจริงจังในช่วงทศวรรษ 1850 และค้นพบว่าการหมักเกิดจากจุลินทรีย์ ไม่ใช่ปฏิกิริยาเคมีธรรมดา เขายืนยันว่า เชื้อจุลินทรีย์ต่างหากที่ทำให้อาหาร และเครื่องดื่มเน่าเสียการพัฒนาเทคนิคพาสเจอร์ไรซ์
เมื่อ Louis Pasteur พบสาเหตุ เขาจึงทดลองใช้ความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อในไวน์ ผลลัพธ์ทำให้ไวน์คงรสชาติและคุณภาพ กระบวนการนี้ถูกจดสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1865 และเรียกว่า Pasteurization (พาสเจอร์ไรซ์)การประยุกต์พาสเจอร์ไรซ์กับนม และผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ
แม้จะพัฒนามาเพื่อไวน์และเบียร์ แต่การประยุกต์ใช้ที่สำคัญที่สุดคือการพาสเจอร์ไรซ์นม ช่วยลดโรคร้ายแรง เช่น วัณโรค และซัลโมเนลลา และต่อมาได้ใช้กับอาหารหลากหลาย เช่น น้ำผลไม้ ไอศกรีม ไข่ โยเกิร์ต และชีสผลงานสำคัญอื่น ๆ ของ Louis Pasteur
นอกเหนือจากพาสเจอร์ไรซ์ เขายังพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคอหิวาต์ไก่ แอนแทรกซ์ และพิษสุนัขบ้า รวมถึงสนับสนุนทฤษฎีเชื้อโรค (Germ Theory of Disease) ซึ่งปฏิวัติการแพทย์สมัยใหม่อิทธิพลต่อวงการแพทย์ และสาธารณสุข
Joseph Lister ศัลยแพทย์ชาวอังกฤษนำทฤษฎีของเขามาใช้ในงานศัลยกรรม เกิดเป็นเทคนิคการฆ่าเชื้อ (Antiseptic techniques) ลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อหลังผ่าตัดการก่อตั้ง Institut Pasteur และมรดกทางวิทยาศาสตร์
ปี ค.ศ. 1887 มีการก่อตั้ง Institut Pasteur ที่กรุงปารีส โดยมี Louis Pasteur เป็นผู้อำนวยการ และหลังจากเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1895 ร่างของเขาถูกฝังในสถาบันแห่งนี้ ปัจจุบัน Institut Pasteur ยังคงเป็นศูนย์วิจัยระดับโลกวิวัฒนาการของการพาสเจอร์ไรซ์ในปัจจุบัน
วิธีการพาสเจอร์ไรซ์ถูกพัฒนาต่อยอด เช่น HTST (อุณหภูมิสูง-เวลาสั้น) และ UHT (อุณหภูมิสูงมาก-เวลาสั้นมาก) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคงคุณค่าทางอาหารแม้จะมีการตรวจสอบวิธีการทำงานของเขาในภายหลัง แต่ก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าผลงาน เพราะสิ่งที่เขาคิดค้นได้เปลี่ยนแปลงโลก และยังคงส่งผลต่อชีวิตมนุษย์จนถึงปัจจุบัน
Louis Pasteur ประสบความสำเร็จในการคิดค้นกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ปี ค.ศ. 1865 และทิ้งผลงานอันยิ่งใหญ่ที่ยังคงกำหนดมาตรฐานในวงการวิทยาศาสตร์ อาหาร และการแพทย์ทั่วโลก
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง