The Judgment of Paris EP : 1
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของวงการไวน์โลก The Judgment of Paris ถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ถูกจารึกไว้ว่าเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญของวงการไวน์ เพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงการชิมไวน์แบบทั่วไป หากแต่เป็นการประกาศศักดาของไวน์จากสหรัฐอเมริกาที่สามารถเอาชนะไวน์จากฝรั่งเศสที่ได้ชื่อว่าเป็นไวน์ที่ดีที่สุดในโลกได้
Steven Spurrier เป็นชาวอังกฤษผู้หลงใหลในไวน์ฝรั่งเศส เขาเป็นเจ้าของร้านไวน์ชื่อ Caves de la Madeleine และสถาบันสอนไวน์ Académie du Vin ในกรุงปารีส
ระหว่างที่พบกัน Patricia ได้แนะนำให้เขาลองชิมไวน์จากหุบเขา Napa Valley และ Sonoma County ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่กำลังเริ่มได้รับความสนใจในสหรัฐอเมริกา ทันทีที่ได้ลิ้มลอง Steven ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะไวน์จากภูมิภาคเหล่านี้มีทั้งคุณภาพ ความกลมกล่อม และความซับซ้อนของรสชาติที่เหนือกว่าความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
ท่ามกลางบทสนทนาอันเป็นกันเองนั้น Patricia ก็ได้เสนอแนวคิดว่า ทำไมเราไม่จัดงานชิมไวน์ขึ้น เพื่อเปรียบเทียบไวน์ฝรั่งเศสกับไวน์แคลิฟอร์เนียบ้างล่ะ? คำพูดนี้ แม้จะดูเรียบง่ายในขณะนั้น แต่ได้กลายเป็นแนวคิดที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการไวน์โลก และนำไปสู่เหตุการณ์ที่โลกจะไม่มีวันลืม
 ฝรั่งเศส ศูนย์กลางแห่งโลกไวน์ในอดีต
ในยุคนั้นฝรั่งเศสถือเป็นศูนย์กลางของไวน์โลก ผู้คนต่างยกย่องว่าไวน์ฝรั่งเศส คือสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา ความซับซ้อน และความเหนือระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ ไวน์ทุกขวดสะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และภูมิปัญญาที่สั่งสมผ่านกาลเวลามานานหลายร้อยปีมุมมองของยุโรปต่อไวน์จาก โลกใหม่
ในทางกลับกันไวน์จาก โลกใหม่ อย่างสหรัฐอเมริกามักจะถูกมองว่าเป็นเพียง ผู้ตาม มากกว่าจะเป็นคู่แข่งที่ทัดเทียม ถึงแม้ว่าในหุบเขา Napa Valley จะเริ่มมีไร่ไวน์คุณภาพเกิดขึ้น แต่ในสายตาของชาวยุโรปยุคนั้นไวน์อเมริกันยังคงถูกมองว่าเป็นเพียง นักเรียนฝึกหัด ในชั้นเรียนของครูฝรั่งเศสจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง Steven Spurrier
ความเชื่อนี้ถูกปลูกฝังมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เพราะชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Steven Spurrier (สตีเวน สปูริเยอร์)Steven Spurrier เป็นชาวอังกฤษผู้หลงใหลในไวน์ฝรั่งเศส เขาเป็นเจ้าของร้านไวน์ชื่อ Caves de la Madeleine และสถาบันสอนไวน์ Académie du Vin ในกรุงปารีส
การค้นพบไวน์จากแคลิฟอร์เนีย
Steven มีความเชี่ยวชาญด้านไวน์ฝรั่งเศส และได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการไวน์ โดยในปี ค.ศ. 1975 เขาได้เดินทางไปยังแคลิฟอร์เนีย และได้พบกับ Patricia Gallagher (แพทริเซีย แกลเลเกอร์) ผู้ร่วมงานชาวอเมริกันของเขาระหว่างที่พบกัน Patricia ได้แนะนำให้เขาลองชิมไวน์จากหุบเขา Napa Valley และ Sonoma County ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่กำลังเริ่มได้รับความสนใจในสหรัฐอเมริกา ทันทีที่ได้ลิ้มลอง Steven ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะไวน์จากภูมิภาคเหล่านี้มีทั้งคุณภาพ ความกลมกล่อม และความซับซ้อนของรสชาติที่เหนือกว่าความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
แรงบันดาลใจจากบทสนทนาแห่งประวัติศาสตร์
นอกจากการชิมไวน์แล้ว การพบกันของทั้งสองยังนำไปสู่การสนทนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 200 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งในเวลานั้นสหรัฐอเมริกายังถือว่าเป็นประเทศที่มีบทบาทเล็กน้อยในวงการไวน์โลกท่ามกลางบทสนทนาอันเป็นกันเองนั้น Patricia ก็ได้เสนอแนวคิดว่า ทำไมเราไม่จัดงานชิมไวน์ขึ้น เพื่อเปรียบเทียบไวน์ฝรั่งเศสกับไวน์แคลิฟอร์เนียบ้างล่ะ? คำพูดนี้ แม้จะดูเรียบง่ายในขณะนั้น แต่ได้กลายเป็นแนวคิดที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการไวน์โลก และนำไปสู่เหตุการณ์ที่โลกจะไม่มีวันลืม
การตัดสินใจของ Steven ที่เปลี่ยนโลกไวน์ตลอดกาล
เมื่อได้ยินข้อเสนอนั้น Steven ถึงกับหัวเราะออกมาในตอนแรก เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเชื่อมั่นว่า ไม่มีไวน์ที่ไหนในโลกจะเทียบได้กับไวน์ฝรั่งเศส แต่ด้วยความอยากรู้ เขาจึงตัดสินใจที่จะลองดู เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตาการเดินทางเพื่อคัดเลือกไวน์จากแคลิฟอร์เนีย
หลังจากนั้น Steven และภรรยาของเขา ก็ออกเดินทางไปเยี่ยมชมไร่องุ่นหลายแห่งทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อคัดเลือกไวน์ที่จะนำมาแข่งขัน ซึ่งพวกเขาก็ได้พบกับผู้ผลิตไวน์รุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความฝัน ความหลงใหล และความมุ่งมั่น เช่น Chateau Montelena, Stags Leap Wine Cellars, และ Heitz Cellar โรงบ่มไวน์ที่ในเวลานั้นยังแทบไม่มีใครรู้จักในยุโรปความประทับใจจากรสชาติไวน์ โลกใหม่
ไวน์จากไร่องุ่นเหล่านี้บางขวดไม่มีฉลากหรูหรา ไม่มีชื่อเสียง แต่เมื่อ Steven ได้ลิ้มลอง เขากลับต้องประหลาดใจ เพราะรสชาติของไวน์เหล่านี้ ไม่ธรรมดาเลย ทั้งความลุ่มลึก กลิ่นหอม และความสมดุลของรสชาติการคัดเลือกไวน์สำหรับการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์
หลังจากชิมเสร็จ เขาจึงคัดเลือกไวน์แคลิฟอร์เนียจำนวน 12 ขวด แบ่งเป็นไวน์ขาว Chardonnay และไวน์แดง Cabernet Sauvignon เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบกับไวน์ฝรั่งเศสระดับตำนานจากแคว้น Burgundy และ Bordeaux ในการชิมไวน์ครั้งสำคัญที่โลกจะต้องจารึกไว้ไวน์ฝรั่งเศสระดับตำนานที่เข้าร่วมการเปรียบเทียบ
สำหรับไวน์ฝรั่งเศส Steven ได้คัดเลือกไวน์ขาวจาก Burgundy อย่าง Meursault-Charmes, Batard-Montrachet และไวน์แดงจาก Bordeaux ระดับตำนาน อาทิ Château Mouton-Rothschild, Château Haut-Brion, Château Montrose และอื่น ๆ ซึ่งไวน์เหล่านี้ล้วนเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และราคาแพงมากในตอนนั้นการเตรียมการและคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติ
เมื่อกลับมาถึงปารีส Steven ได้เชิญกรรมการทั้งหมด 9 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญไวน์ชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมาก อาทิ- Odette Kahn บรรณาธิการนิตยสาร La Revue du Vin de France
- Pierre Brejoux หัวหน้าสำนักงานไวน์แห่งชาติฝรั่งเศส
- Michel Dovaz ผู้เชี่ยวชาญไวน์ และนักเขียน
- Raymond Oliver เชฟมิชลินสตาร์ระดับโลก
- Aubert de Villaine เจ้าของ Domaine de la Romanée-Conti ไร่องุ่นที่แพงที่สุดในโลก
- Pierre Tari เจ้าของ Château Giscours
- Christian Vanneque หัวหน้า Sommelier โรงแรม Tour d'Argent
- Jean-Claude Vrinat เจ้าของร้านอาหาร Taillevent
- Claude Dubois-Millot เจ้าของบริษัทไวน์ Gault Millau
การประกาศชิมแบบ Blind Tasting การตัดสินที่ยุติธรรมที่สุด
ที่สำคัญคือ Steven ได้ประกาศชัดว่า การชิมไวน์ครั้งนี้จะเป็นแบบ Blind Tasting ไม่มีใครรู้ว่าไวน์ในแก้วมาจากที่ใด ทุกขวดจะถูกตัดสินด้วยรสชาติ ไม่ใช่ชื่อเสียง
อ่านเรื่องราวต่อจากนี้ได้ในบทความ : https://www.rimping.com/th/blog/8110/judgment-of-paris-ep2-th
บทความที่เกี่ยวข้อง
 ทำความรู้จัก Fannie Farmer (แฟนนี ฟาร์เมอร์) ผู้หญิงที่ทำให้สูตรอาหารทั่วโลกมีมาตรฐานเดียวกัน
ทำความรู้จัก Nicolas Appert (นิโกลาส์ อาแปร์) ชายชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะ บิดาแห่งการบรรจุกระป๋อง


