แชร์

Christmas Pudding (คริสต์มาสพุดดิ้ง)

อัพเดทล่าสุด: 9 ธ.ค. 2025
Christmas Pudding คือขนมหวานดั้งเดิมของอังกฤษที่นิยมรับประทานในวันคริสต์มาส มีลักษณะเป็นพุดดิ้งเนื้อแน่น สีเข้ม และมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ จุดเด่นของขนมชนิดนี้อยู่ที่ส่วนผสมซึ่งประกอบด้วยผลไม้แห้งหลากหลายชนิด เช่น ลูกเกด ลูกพลัม รวมถึงไขมันวัว เกล็ดขนมปัง น้ำตาล เครื่องเทศ และแอลกอฮอล์จำพวกบรั่นดี หรือรัม ส่วนผสมทั้งหมดจะถูกนำมาคลุกเคล้าแล้วต้มหรือนึ่งเป็นเวลานานจนได้เนื้อพุดดิ้งที่แน่น และชุ่มฉ่ำ

ธรรมเนียมการเตรียมล่วงหน้าและพิธีจุดไฟ Flambé

ตามธรรมเนียมดั้งเดิมขนมจะถูกเตรียมล่วงหน้าหลายสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส เพื่อให้รสชาติพัฒนาและเข้มข้นขึ้น เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟมักราดด้วยบรั่นดีแล้วจุดไฟ (Flambé) เพื่อสร้างความหรูหรา และบรรยากาศเฉลิมฉลองอันเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส

ขนมหวานที่สะท้อนความอบอุ่นและความทรงจำของครอบครัวอังกฤษ

Christmas Pudding ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งแต่ละครอบครัวจะมีสูตรเฉพาะที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ขนมชนิดนี้เต็มไปด้วยเรื่องราว และความทรงจำอันล้ำค่า

เสน่ห์ของสูตรประจำบ้านและความหมายทางวัฒนธรรม

ความพิเศษของการทำ Christmas Pudding อยู่ที่ประเพณีเก่าแก่ ซึ่งแตกต่างจากการทำอาหารทั่วไป เพราะในแต่ละครอบครัวจะมีสูตรเฉพาะที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ขนมชนิดนี้อบอวลไปด้วยเรื่องราว ความผูกพัน และความทรงจำอันล้ำค่า

ธรรมเนียมการร่วมแรงร่วมใจและการอธิษฐานขณะคนพุดดิ้ง

ตามธรรมเนียมสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องมาร่วมมือกัน คนส่วนผสมของพุดดิ้ง และในขณะคนสมาชิกแต่ละคนจะสามารถตั้งจิตอธิษฐานขอพรได้หนึ่งข้อ โดยเชื่อว่าหากทำด้วยความตั้งใจ พรนั้นจะสมหวัง

การคนพุดดิ้งจากทิศตะวันออกสู่ตะวันตกเพื่อสื่อถึงโหราจารย์

นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมสำคัญที่ว่าทุกคนต้องผลัดกันใช้ช้อนไม้คนส่วนผสมจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก เพื่อสื่อถึงการเดินทางของบรรดาโหราจารย์ที่มุ่งหน้าไปถวายพระกุมารเยซู

ต้นกำเนิดจากอาหารยุคกลางที่ชื่อว่า Frumenty

Christmas Pudding มีรากฐานมาจากอาหารในศตวรรษที่ 14 ที่เรียกว่า Frumenty ซึ่งมีลักษณะคล้ายโจ๊กของบ้านเรา ทำจากเนื้อวัว เนื้อแกะ ลูกเกด ลูกพรุน ไวน์ และเครื่องเทศ ถือเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงเหมาะกับฤดูหนาว

พัฒนาการในศตวรรษที่ 17 สู่พุดดิ้งสูตรใหม่ที่เข้มข้นขึ้น

ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 17 สูตร Frumenty ได้พัฒนาจนกลายมาเป็นพุดดิ้งรูปแบบใหม่ โดยมีการปรับให้ข้นขึ้นด้วยการเติมไข่ เกล็ดขนมปัง ผลไม้แห้ง และเบียร์หรือสุราเล็กน้อย ทำให้พุดดิ้งมีรสหวาน และมีกลิ่นหอมมากขึ้น เนื้อพุดดิ้งในยุคนั้นค่อนข้างหนัก เพราะประกอบด้วยผลไม้แห้งจำนวนมาก

ที่มาของชื่อ Plum Pudding และการเปลี่ยนสู่ Christmas Pudding

พุดดิ้งชนิดนี้มีสีเข้มจนออกคล้ำหรือดำ เนื่องจากการใช้น้ำตาลทรายแดง และน้ำเชื่อมสีเข้มเป็นส่วนประกอบ จึงทำให้ถูกเรียกว่า Plum Pudding แม้ว่าจะไม่ได้มีส่วนผสมของลูกพลัมโดยตรงก็ตาม และ Plum Pudding นี้เองคือรูปแบบดั้งเดิมของ Christmas Pudding ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

ความเชื่อเรื่องส่วนผสม 13 ชนิดที่สื่อความหมายทางศาสนา

ตามความเชื่อทางศาสนาในอังกฤษยุคกลางการทำ Christmas Pudding ควรใช้ส่วนผสมทั้งหมด 13 ชนิด เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระคริสต์ และอัครสาวกทั้ง 12 ได้แก่ลูกเกด ผลไม้แห้ง ไขมันดิบของเนื้อวัวหรือเนื้อแกะ น้ำตาลทรายแดง เกล็ดขนมปัง มะนาว ผิวมะนาว ผิวส้ม แป้ง เครื่องเทศผสม ไข่ นม และบรั่นดี

พิธีจุดไฟสีน้ำเงิน และความหมายแห่งความรักของพระคริสต์

ในประเพณีดั้งเดิมบรั่นดีจะถูกเทราดลงบนพุดดิ้ง และจุดไฟก่อนเสิร์ฟ เปลวไฟสีน้ำเงินที่ลุกขึ้นเป็นช่วงสั้น ๆ ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้ทุกคนในโต๊ะอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์เชิงความเชื่อว่าเป็น ไฟแห่งความรักของพระคริสต์ ที่ปกป้อง และอวยพรสมาชิกในครอบครัวตลอดช่วงเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย

ธรรมเนียมซ่อนเหรียญ 6 เพนนีเพื่อเสริมความโชคดีในปีใหม่

อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับการทำพุดดิ้งคริสต์มาสก็คือประเพณีการนำเงินเหรียญ 6 เพนนีลงไปอบกับส่วนผสมด้วย ระหว่างที่ตัดแบ่งกัน หากใครได้ส่วนที่มีเหรียญก็จะถือว่าเป็นผู้โชคดี และเชื่อว่าจะเจอแต่สิ่งดีงามตลอดปีที่กำลังจะมาถึง

ความเชื่ออีกแบบเกี่ยวกับการซ่อนเหรียญเพื่อมอบพรและความมั่งคั่ง

อีกหนึ่งความเชื่อที่สำคัญในการทำ Christmas Pudding คือประเพณีซ่อนเหรียญ 6 เพนนี ไว้ในส่วนผสมก่อนนำไปอบ พอถึงเวลาตัดแบ่งพุดดิ้งเพื่อเสิร์ฟ หากใครได้ชิ้นที่มีเหรียญซ่อนอยู่จะถือว่าเป็นผู้โชคดีของปีนั้น เชื่อกันว่าจะได้รับความมั่งคั่ง ความสุข และสิ่งดีงามตลอดปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

สัญลักษณ์แห่งความหวัง ความสุข และความเป็นสิริมงคลในครอบครัว

ธรรมเนียมเล็ก ๆ นี้ช่วยเพิ่มทั้งความสนุก และความอบอุ่นให้กับช่วงเวลาครอบครัว ทำให้ Christmas Pudding ไม่ได้เป็นเพียงขนมหวาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง และพรอันเป็นสิริมงคลอีกด้วย
Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Panettone (ปาเน็ตโตเน)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Panettone (ปาเนตโตเน) จากขนมปังเรียบง่าย สู่ขนมประจำเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ของชาวอิตาลี
Pandoro (แพนโดโร)
ทำความรู้จัก Pandoro (แพนโดโร) ขนมปังหวานรูปทรงแปดแฉกที่มีต้นกำเนิดจากเมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี
Turrón (ตูร์รอน)
ทำความรู้จัก Turrón (ตูร์รอน) ขนมนูกัตดั้งเดิมของสเปน
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ