St. Basils Cake (เซนต์เบซิล)
อัพเดทล่าสุด: 16 ธ.ค. 2025

St. Basils Cake (เซนต์เบซิล) หรือ Vasilopita (วาซิโลปิตา) คือเค้กแบบดั้งเดิมของประเทศกรีซที่นิยมเสิร์ฟในวันขึ้นปีใหม่ (วันที่ 1 มกราคม) เพื่อเป็นเกียรติแด่นักบุญ Saint Basil the Great ซึ่งเป็นนักบุญสำคัญในคริสต์ศาสนานิกายออร์ทอดอกซ์
ประเพณีการค้นหาเหรียญนำโชคในวันปีใหม่
ในวันแรกของปีใหม่ หรือวันที่ 1 มกราคม ตามธรรมเนียมของชาวกรีซจะมีกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นคือการตัด และค้นหาเหรียญนำโชค หรือเครื่องประดับที่ซ่อนอยู่ภายใน St. Basils Cake เมื่อถึงเวลาตัดแบ่งเค้ก ผู้ที่ได้ชิ้นที่มีเหรียญซ่อนอยู่ เชื่อกันว่าจะได้รับโชคลาภ ความสุข และความเป็นสิริมงคลตลอดปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงต้นกำเนิดของ St. Basils Cake ในศตวรรษที่ 4
ต้นกำเนิดของ St. Basils Cake เกิดขึ้นราวศตวรรษที่ 4 ในเมืองซีซาเรีย คัปปาโดเกีย (ปัจจุบันอยู่ในอาณาเขตของประเทศตุรกี) ตามตำนานกล่าวว่าในช่วงเวลานั้นจักรพรรดิทรงเรียกเก็บภาษีจำนวนมากจากชาวเมืองซีซาเรีย ซึ่งภาษีดังกล่าวถือเป็นภาระอย่างหนักสำหรับประชาชนที่ยากจนอยู่แล้ว ประชาชนจำนวนมากต้องนำทรัพย์สิน เครื่องประดับ และมรดกอื่น ๆ ไปแลก เพื่อให้รอดจากการถูกคุมขัง ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากมากยิ่งกว่าเดิมบทบาทของนักบุญ Saint Basil the Great ในการปกป้องประชาชน
เมื่อนักบุญ Saint Basil the Great ซึ่งดำรงตำแหน่งพระอัครสังฆราชแห่งเมืองซีซาเรีย ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์จึงออกมาปกป้องประชาชนด้วยความกล้าหาญ โดยเรียกร้องให้จักรพรรดิกลับใจ และยุติการกดขี่โดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใด ๆการยกเลิกการเก็บภาษีและการคืนทรัพย์สินแก่ประชาชน
ด้วยเหตุที่นักบุญ Saint Basil the Great เป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง จักรพรรดิจึงทรงยอมยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าว พร้อมมีพระบัญชาให้เจ้าหน้าที่นำหีบ ซึ่งบรรจุเหรียญ และเครื่องประดับทั้งหมด ที่ชาวเมืองซีซาเรียนำมาชำระเป็นภาษี ส่งมอบให้นักบุญ Saint Basil the Great เพื่อนำไปคืนแก่ประชาชนตามเดิมปัญหาในการคืนทรัพย์สินและทางออกด้วยปัญญา
อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับเหรียญ และเครื่องประดับคืนมาแล้ว นักบุญ Saint Basil the Great ต้องเผชิญกับปัญหาในการนำทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเหล่านั้นกลับคืนสู่เจ้าของเดิม เนื่องจากมีจำนวนมาก และไม่สามารถระบุได้ว่าเหรียญหรือเครื่องประดับชิ้นใดเป็นของผู้ใดการซ่อนเหรียญในขนมปังและการแจกจ่ายอย่างเท่าเทียม
นักบุญ Saint Basil the Great จึงแก้ไขปัญหานี้ด้วยความเมตตา และปัญญา โดยนำเหรียญ และเครื่องประดับทั้งหมดไปซ่อนไว้ภายในขนมปังอบ จากนั้นทรงเชิญชาวเมืองซีซาเรียมาร่วมพิธีสวดมนต์ที่อาสนวิหาร เมื่อพิธีเสร็จสิ้นพระองค์ได้ตัดขนมปังออกเป็นส่วนเท่า ๆ กัน และแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึงปาฏิหาริย์แห่งความยินดีของชาวเมืองซีซาเรีย
ชาวเมืองต่างมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ละคนได้รับทรัพย์สินคืนอย่างน่าอัศจรรย์ และต่างกล่าวขอบคุณนักบุญ Saint Basil the Great ผู้ซึ่งช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความยากลำบาก และความยากจนการสืบทอดประเพณีเพื่อรำลึกถึงนักบุญ Saint Basil
เพื่อเป็นการรำลึกถึงความรัก และความเมตตาของนักบุญ Saint Basil the Great ที่มีต่อชาวเมือง วันที่ 1 มกราคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันครบรอบการเสียชีวิตของนักบุญ Saint Basil the Great ในปี ค.ศ. 379 จึงได้มีการสืบทอดประเพณีการอบ St. Basils Cake พร้อมกับการเล่นเกมค้นหาเหรียญ หรือเครื่องประดับที่ซ่อนอยู่ภายในเนื้อเค้กความหมายเชิงสัญลักษณ์ของ St. Basils Cake
ประเพณีดังกล่าวไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่เท่านั้น หากยังทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงความมีน้ำใจ ความเสียสละ และเมตตาธรรมของนักบุญ Saint Basil the Great ตลอดจนเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ความหวัง และความเป็นสิริมงคลสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงธรรมเนียมการตัดเค้กและการแบ่งปันเพื่อการกุศล
การทำ St. Basils Cake หลังจากอบเสร็จแล้ว เค้กจะถูกตัดแบ่งตามธรรมเนียม โดยจัดสรรชิ้นแรกถวายแด่พระเยซู พระแม่มารี (พระมารดาของพระเยซู) และ นักบุญ Saint Basil the Great จากนั้นเค้กส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งให้แก่สมาชิกในครอบครัว และแขกที่มาเยือน โดยชิ้นที่กำหนดไว้เป็นของนักบุญ Saint Basil the Great มักนำไปมอบให้แก่ผู้ด้อยโอกาส เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์แห่งความเมตตาการทำเครื่องหมายไม้กางเขนและความเชื่อเรื่องโชคลาภ
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าผู้ที่พบเหรียญหรือเครื่องประดับที่ซ่อนอยู่ในเค้กจะได้รับพร และโชคลาภตลอดทั้งปี ก่อนเริ่มตัดเค้กหัวหน้าครอบครัวหรือสมาชิกที่อาวุโสที่สุดจะทำเครื่องหมาย รูปไม้กางเขน บนหน้าเค้ก เพื่อเป็นการขอพร และแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีก่อนจะแบ่งเค้กตามลำดับต่อไปการพัฒนาสูตร St. Basils Cake ในแต่ละท้องถิ่น
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาประเพณีการอบ St. Basils Cake ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศกรีซ ซึ่งมีการพัฒนาสูตรให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น มักเพิ่มกลิ่นรสจากผิวส้ม เครื่องเทศ อัลมอนด์ และถั่วชนิดต่าง ๆ เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น และครอบครัวSt. Basils Cake กับความหมายของการเริ่มต้นปีใหม่
ปัจจุบันการอบ และแบ่งปัน St. Basils Cake ยังคงเป็นธรรมเนียมที่ได้รับการสืบทอดอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ที่มีความหมายลึกซึ้ง พิธีกรรมนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความศรัทธา และความเชื่อ หากยังเป็นการแสดงออกถึงน้ำใจ ความอบอุ่น และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อนฝูง และชุมชน เมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ ทุกคนต่างเฝ้ารอช่วงเวลาแห่งการแบ่งปัน St. Basils Cake และการร่วมสนุกในบรรยากาศแห่งความสุข และความหวังสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Gingerbread (จินเจอร์เบรด) ขนมปังขิงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Panettone (ปาเนตโตเน) จากขนมปังเรียบง่าย สู่ขนมประจำเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ของชาวอิตาลี


