Valpolicella (วาลโปลิเซลลา)
Valpolicella (วาลโปลิเซลลา) คืออะไร
Valpolicella (วาลโปลิเซลลา) เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายพันปี ตั้งอยู่ในแคว้น Veneto (เวเนโต) ทางตอนเหนือของเมือง Verona (เวโรนา) ประเทศอิตาลี พื้นที่แห่งนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์แดงคุณภาพสูงหลากหลายชนิด เช่น Amarone, Ripasso และ Recioto (ไวน์หวาน) ซึ่งผลิตจากองุ่นพันธุ์พื้นเมืองของอิตาลี เช่น Corvina, Corvinone, Rondinella และ Molinara (แต่ปัจจุบัน Molinara ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก)
รากเหง้าของไวน์ในหุบเขาเวโรนา
ประวัติศาสตร์ของ Valpolicella เชื่อมโยงกับการผลิตไวน์มานานกว่า 2,000 ปี โดยหลักฐานทางโบราณคดีชี้ให้เห็นว่าการปลูกองุ่น และการผลิตไวน์เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่ยุคโรมัน และอาจย้อนหลังไปถึงสมัยอิทรุสกัน (Etruscans) หรือกรีกโบราณ
แต่อย่างไรก็ตามชาวโรมันเป็นผู้พัฒนาวิธีการปลูกองุ่น และหมักไวน์ในภูมิภาค Valpolicella อย่างเป็นระบบ เนื่องจากมีหลักฐานว่า Pliny the Elder นักธรรมชาติวิทยาชื่อดังจากศตวรรษที่ 1 ได้กล่าวถึงไวน์ที่ชื่อว่า Rhaetian ในงานเขียนของเขาว่าเป็นไวน์คุณภาพดี และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ในศตวรรษที่ 6 นักเขียนชาวโรมันชื่อ Cassiodorus ยังได้บันทึกไว้ว่าไวน์หวานของภูมิภาคนี้เป็นที่ชื่นชอบในราชสำนักของอาณาจักรออสโตรโกธิก (Ostrogothic Kingdom) ของอิตาลีด้วย
ที่มาของชื่อ Valpolicella
ชื่อ Valpolicella มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน Vallis Polis Cellae แปลว่า หุบเขาที่มีห้องเก็บไวน์มากมาย ซึ่งเป็นชื่อที่สะท้อนถึงความสำคัญของการผลิตไวน์ในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ
ในช่วงยุคกลาง Valpolicella ยังคงเป็นศูนย์กลางสำคัญของการผลิตไวน์ โดยมีอาราม และคณะนักบวชเป็นผู้ดูแลการปลูกองุ่น และพัฒนาวิธีการหมักไวน์ นอกจากนี้ขุนนาง และตระกูลผู้มีอำนาจในแคว้นเวเนโต เช่น ตระกูล Della Scala (Scaligeri) ยังให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมไวน์ของ Valpolicella อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
การพัฒนา และส่งเสริมการค้าไวน์ในเวนิส
อย่างไรก็ตาม เมื่อสาธารณรัฐเวนิสขึ้นมามีอำนาจในศตวรรษที่ 8 ชาวเวนิสก็ได้ส่งเสริมการค้าไวน์ และพัฒนาระบบการผลิตไวน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เวนิสซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ได้อำนวยความสะดวกในการส่งออกไวน์ Valpolicella ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วเมดิเตอร์เรเนียน และยังขยายไปถึงภูมิภาคที่ไกลออกไปอีกด้วย
ในช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 Valpolicella เริ่มผลิตไวน์เพื่อการค้าในระดับที่ใหญ่ขึ้น ด้วยการขยายพื้นที่ปลูกองุ่น และพัฒนากรรมวิธีการหมักที่ทันสมัย วงการไวน์ของภูมิภาคนี้ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลอิตาลี และเริ่มมีการส่งออกไวน์ไปยังฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ
จุดเปลี่ยนสำคัญของไวน์ Valpolicella
ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Valpolicella เมื่อในปี 1936 ไวน์ Amarone della Valpolicella ถูกค้นพบโดยบังเอิญจากการหมักไวน์ Recioto della Valpolicella จนกลายเป็นไวน์ที่มีความ Dry ขึ้น มีรสชาติเข้มข้น และมีแอลกอฮอล์สูง จากนั้น Amarone จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Valpolicella และได้รับความนิยมไปทั่วโลก
Valpolicella ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในฐานะแหล่งผลิตไวน์ที่มีคุณภาพสูงของอิตาลี
ในช่วงปี 1968 Valpolicella ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในฐานะแหล่งผลิตไวน์ที่มีคุณภาพสูง (DOC) และในปี 2010 ไวน์ Amarone della Valpolicella ก็ได้รับสถานะ DOCG แยกอีกต่างหาก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการรับรองคุณภาพไวน์ในอิตาลี
Valpolicella กลายเป็นหนึ่งในภูมิภาคผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลี
Valpolicella เป็นหนึ่งในภูมิภาคผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลี ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เอื้อต่อการปลูกองุ่นสายพันธุ์ท้องถิ่น มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณทางตะวันตกของแคว้นเวเนโต ทอดยาวไปทางเหนือสู่เนินเขาที่อยู่เหนือเมืองเวโรนาเป็นระยะทางประมาณ 10 ไมล์ (16 กิโลเมตร)
เนินเขาของที่นี่มีความสูงกว่า 600 เมตร ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์จากเทือกเขาทางตอนใต้ ทำให้เกิดการผสมผสานของลักษณะภูมิประเทศที่หันไปทุกทิศทาง และสามารถใช้ประโยชน์จากแสงแดดทางตอนเหนือของอิตาลีได้อย่างเต็มที่
พื้นที่เหล่านี้มีดินที่อุดมสมบูรณ์ เกิดจากการทับถมของวัสดุจากภูเขาไฟโบราณ ประกอบด้วยหินภูเขาไฟ ดินเหนียว หินปูน และตะกอนทางทิศตะวันออก ทำให้ Valpolicella เหมาะสมสำหรับการปลูกองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ นอกจากนี้ภูมิอากาศแบบทวีปที่เย็นสบาย และดินที่เอื้อต่อการเพาะปลูกยังส่งผลให้ Valpolicella เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตองุ่นที่สำคัญที่สุดของอิตาลีอีกด้วย
ไวน์อื่น ๆ จาก Valpolicella
ไวน์จาก Valpolicella ไม่ได้มีเพียงแค่ Amarone ที่ได้รับความนิยมเท่านั้น แต่ยังมีไวน์อื่น ๆ ที่คุณภาพดี และเหมาะกับหลาย ๆ โอกาสด้วย เช่น
- Valpolicella Classico และ Valpolicella Classico Superiore นับเป็นไวน์กลุ่มเริ่มต้นที่ราคาไม่แพงและสดชื่น เนื้อน้ำจะบาง แอลกอฮอล์ไม่สูง ดื่มง่าย โดยจะใช้ชื่อเขต Valpolicella มาเป็นชื่อของไวน์ประเภทนี้เลย แต่เราอาจจะพบเจอกันไม่บ่อยมาก เพราะเป็นไวน์ที่ค่อนข้างเบาแอลกอฮอล์ต่ำ จึงอาจจะเก็บไว้ได้ไม่นาน
- Valpolicella Ripasso ที่มีชื่อเล่นว่า baby Amarone หรือที่เราจะเรียกกันว่า Amarone ผู้น้องอีกที คือการที่ไวน์เมกเกอร์นำเปลือกองุ่นที่ผ่านการหมักบ่มในกระบวนการทำ Amarone มาแล้ว มาใส่ในถังที่หมักไวน์ Valpolicella Classico ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยเพิ่ม กลิ่นรส, แทนนิน, แอลกอฮอล์และบอดี้ของไวน์ จนได้มาเป็น Valpolicella Ripasso ถึงจะไม่หนักหน่วง เข้มข้นเท่า Amarone แต่ชื่อชั้นคุณภาพ ก็จัดอยู่ในระดับรองลงมาและเป็นทางเลือกที่ย่อมเยากว่าค่ะ
- Appassimento เราอาจจะได้เห็นคำนี้ถูกกล่าวถึงในบทความเรื่อง Amarone ก่อนหน้านี้ นั่นเพราะ Appassimento เป็นชื่อเรียกกระบวนการ การนำองุ่นไปตากแห้งให้สูญเสียน้ำ จนเหลือแต่น้ำตาลที่เข้มข้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการผลิต Amarone ดังนั้น Amarone จะต้องทำจากองุ่นสายพันธุ์ที่กำหนดไว้และผ่านกระบวนการ Appassimento เท่านั้น
เราจึงจะได้เห็นไร่ไวน์จากหลากแคว้น หลายเขต เลือกใช้คำว่า Appassimento บนฉลากไวน์ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคถึงคุณลักษณะของไวน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความคล้ายคลึงกับ Valpolicella Ripasso หรือ Amarone ค่ะ