Chianti (เคียนติ)
Chianti (เคียนติ) คืออะไร
Chianti (เคียนติ) คือไวน์แดงที่ถือกำเนิดขึ้นในแคว้น Tuscany ภูมิภาคทางตอนกลางของประเทศอิตาลี เมื่อหลายพันกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีพื้นฐานจากการใช้องุ่นพันธุ์ Sangiovese (ซานโจเวเซ) เป็นหลัก
จาก Clante สู่ Gallo Nero กับเรื่องราวของไวน์ที่กลั่นจากกาลเวลา
ต้นกำเนิดของ Chianti มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปกว่า 3000 ปี ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยชาว Etruscan (เอทรัสกัน) โดยเดิมทีจะเรียกว่า Clante (กลานเต) เป็นภาษาพูดของชาวเอทรัสกันหมายถึงน้ำ
แม้จะมีต้นกำเนิดมานานกว่า 3000 ปี แต่คำว่า Chianti ปรากฏขึ้นครั้งแรกในเอกสารทางประวัติศาสตร์ราวศตวรรษที่ 14 โดยในเอกสารนั้นได้กล่าวถึงพื้นที่ที่ชื่อว่า Lega del Chianti หรือสันนิบาตแห่งเคียนติ ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาโดยสาธาราณรัฐ Florence (ฟลอเรนซ์)
การรวมกลุ่ม Lega del Chianti คืออะไร
Lega del Chianti เป็นการรวมกลุ่มกันของสามหมู่บ้านหลักในการผลิตไวน์ได้แก่ Castellina, Gaiole และ Radda เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผลิตไวน์ในพื้นที่ โดยสัญลักษณ์ของพื้นที่นี้คือ ไก่ดำ (Gallo Nero) ซึ่งต่อมากลายเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพของไวน์ Chianti Classico
จากไวน์ขาว สู่ไวน์แดงระดับโลก
ในยุคเริ่มแรกไวน์ที่ผลิตในพื้นนี้ส่วนใหญ่เป็นไวน์ขาว ไม่ใช่ไวน์แดงอย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้มาจากบันทึก และเอกสารต่าง ๆ ที่กล่าวถึงองุ่นขาวหลากหลายสายพันธุ์ที่ปลูกในพื้นที่นี้ รวมถึงวิธีการผลิตไวน์ขาวในยุคนั้น อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญได้เกิดขึ้นในช่วงหลายศตวรรษต่อมา เมื่อองุ่นแดงสายพันธุ์ Sangiovese เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในพื้นที่แห่งนี้
ในปี 1427 เมืองฟลอเรนซ์ได้เริ่มจัดทำระบบภาษีสำหรับไวน์จากชนบทโดยรอบ ซึ่งรวมถึงไวน์จากพื้นที่ Lega del Chianti และพื้นที่ใกล้เคียงด้วย นี่จึงถือเป็นความพยายามครั้งแรกในการจัดประเภทไวน์ Chianti
บุคคลสำคัญที่เปลี่ยนไวน์ Chianti ไปตลอดกาล
ในปี 1716 Grand Duke Cosimo III of Tuscany (แกรนด์ดยุกคอซิโมที่ 3 แห่งทัสคานี) ได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดขอบเขตการผลิตไวน์ Chianti อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่ามีเพียงหมู่บ้าน Castellina, Gaiole, Radda, Greve และพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้นที่สามารถใช้ชื่อ Chianti ได้ ซึ่งการกำหนดขอบเขตครั้งนี้ถือเป็นการกำหนดเขตควบคุมการผลิตไวน์แห่งแรกของโลก ซึ่งเกิดขึ้นก่อนประเทศฝรั่งเศสจะออกกฎหมาย AOC (Appellation d'Origine Contrôlée) เป็นเวลานานถึง 200 ปี
สูตรของ Baron Bettino ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ Chianti เปลี่ยนจากไวน์ขาวธรรมดา กลายเป็นไวน์แดงที่มีเอกลักษณ์ และได้รับการยอมรับในระดับสากล
การควบคุมคุณภาพ และการขยายพื้นที่
ในปี 1932 รัฐบาลอิตาลีได้ขยายเขตผลิตไวน์ Chianti ออกไปจากพื้นที่ดั้งเดิม โดยแบ่งออกเป็น 7 โซนย่อย (Chianti Zone) ได้แก่ Chianti Classico, Chianti Colli Aretini, Chianti Colli Fiorentini, Chianti Colli Senesi, Chianti Colline Pisane, Chianti Montalbano และ Chianti Rufina
Chianti Classico ถูกกำหนดให้เป็น Denominazione di origine controllata (DOC)
ในปี 1967 Chianti Classico ถูกกำหนดให้เป็น Denominazione di origine controllata (DOC) และต่อมาในปี 1996 ก็ถูกยกฐานะให้เป็นเขต Denominazione di Origine Controllata e Garantita (DOCG) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการควบคุมคุณภาพไวน์ในอิตาลี การยกระดับนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญ และคุณภาพอันเป็นเลิศของไวน์ที่มาจากเขตพื้นที่ดั้งเดิมนี้ และใช้สัญลักษณ์ ไก่ดำ (Gallo Nero) บนขวดเป็นเครื่องหมายรับรอง
กฎระเบียบของ DOCG Chianti Classico
กฎระเบียบของ DOCG Chianti Classico มีความเข้มงวด และกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการผลิต เช่น สัดส่วนองุ่น Sangiovese ต้องมีสัดส่วนอย่างน้อย 80% และสามารถผสมกับองุ่นแดงสายพันธุ์อื่นที่ได้รับอนุญาต เช่น Canaiolo, Colorino, Cabernet Sauvignon และ Merlot ในสัดส่วนสูงสุด 20% ไม่อนุญาตให้ใช้องุ่นขาวใน Chianti Classico ปริมาณแอลกอฮอล์ขั้นต่ำ 12% ระยะเวลาการบ่มไวน์ Chianti Classico ต้องบ่มอย่างน้อย 12 เดือน
อนาคตของไวน์ที่มีรากลึกในอดีต
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 ผู้ผลิตไวน์ Chianti เริ่มมีการทดลอง และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการผลิตไวน์ โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ และคุณภาพของ Chianti ไว้ มีการให้ความสำคัญกับการคัดเลือกองุ่นที่มีคุณภาพ การควบคุมอุณหภูมิในการหมัก การใช้ถังไม้โอ๊คในการบ่มที่หลากหลาย และการศึกษาเกี่ยวกับ Terroir หรือปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ และดิน ที่มีผลต่อรสชาติ และคุณภาพของไวน์
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการลดสัดส่วนหรือยกเลิกการใช้องุ่นขาวใน Chianti Classico ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลิตไวน์แดงที่มีความเข้มข้น และซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้ผลิตหลายรายหันมาให้ความสำคัญกับองุ่น Sangiovese ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และเอกลักษณ์ขององุ่นสายพันธุ์นี้
ปัจจุบันไวน์ Chianti มีการผลิตในหลายระดับคุณภาพ โดย Chianti Classico ถือเป็นไวน์ที่มีคุณภาพสูงสุดในกลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดระดับเพิ่มเติม เช่น Chianti Classico Riserva (บ่มอย่างน้อย 24 เดือน) และ Chianti Classico Gran Selezione (บ่มอย่างน้อย 30 เดือน) เพื่อแสดงถึงคุณภาพ และการบ่มที่ยาวนานขึ้น