Absolut Vodka (แอบโซลูท วอดก้า)
Absolut Vodka (แอบโซลูท วอดก้า) เป็นวอดก้าระดับพรีเมียมจากประเทศสวีเดนที่ขึ้นชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ และรสชาติกลมกล่อม ผลิตจาก ข้าวสาลีฤดูหนาว (Winter Wheat) ที่ปลูกในเมือง โอฮุส (Åhus) ทางตอนใต้ของสวีเดน โดยผ่านกรรมวิธีการกลั่นแบบต่อเนื่องถึง 100 ครั้ง วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของวอดก้าอันโด่งดังระดับโลกขวดนี้กันค่ะ
จุดกำเนิด: จาก L.o. Smith สู่ Absolut Rent Brännvin (ศตวรรษที่ 19)
เรื่องราวของ Absolut Vodka เริ่มต้นขึ้นใน ศตวรรษที่ 19 ในสวีเดน โดย Lars Olsson Smith หรือที่รู้จักในชื่อย่อคือ L.o. Smith
L.o. Smith เกิดในปี 1836 เขามาจากครอบครัวชาวนาในเบลียกิงเงอ (Blekinge) เทศมณฑลทางตอนใต้ของประเทศสวีเดน เมื่อครั้งที่เป็นเด็กเขาเริ่มทำงานด้านการค้าขาย เพื่อช่วยซัพพอร์ตรายได้ของครอบครัว ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความรู้ด้านการทำธุรกิจ
ในปี 1870 ขณะนั้นอายุได้ 34 ปี เขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ในสตอกโฮล์ม (Stockholm) เมืองหลวงของสวีเดนที่มีผู้คนพลุกพล่าน และเต็มไปด้วยการค้าขายที่ครึกครื้น อย่างไรก็ตามในช่วงที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สุรามีการผูกขาดในสตอกโฮล์ม ซึ่งมีราคาสูงมาก และไม่มีการควบคุมคุณภาพที่ดีพอ
ด้วยเหตุนี้ L.o. Smith จึงเกิดแรงบันดาลใจในการผลิตวอดก้าบริสุทธิ์คุณภาพสูงขึ้นมา เขาท้าทายระบบการผูกขาดในสตอกโฮล์ม ด้วยการผลิตวอดก้าขายนอกเขตเมืองในราคาที่ต่ำกว่าสุราที่ถูกผูกขาด โดยก่อตั้งโรงกลั่นชื่อ Smithska Bränneriet ขึ้นมาในเมือง Åhus และคิดค้นวิธีการผลิตแบบใหม่ โดยใช้เทคนิคการกลั่นอย่างต่อเนื่องถึง 100 ครั้ง เพื่อให้วอดก้ามีความบริสุทธิ์มากที่สุด และมีรสชาตินุ่มนวลมากขึ้น แตกต่างจากการผลิตวอดก้าแบบดั้งเดิม
หลังจากได้สูตรที่สมบูรณ์แบบแล้ว ในปี 1879 L.o. Smith จึงเริ่มขายวอดก้าของเขาภายใต้ชื่อแบรนด์ Absolut Rent Brännvin แปลว่า วอดก้าที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง (ภายหลังเปลี่ยนมาเป็น Absolut Vodka)
หลังจากเปิดตัววอดก้าของเขาก็ได้รับความนิยมในทันที ทั้งในเรื่องของคุณภาพ และราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับฉายาว่า The King of Spirits
การออกแบบขวดอันเป็นเอกลักษณ์ และการขยายสู่ตลาดโลก (ค.ศ. 1979 - 1992)
ในปี 1979 ซึ่งเป็นปีที่ครบรอบ 100 ปีหลังจากเปิดตัว Absolut Vodka เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง บริษัทจึงออกแบบขวดรุ่นใหม่ โดยขวดรูปแบบใหม่นี้เป็นขวดแก้วใสเรียบหรูมีรูปทรงโดดเด่นคล้ายกับขวดยาในศตวรรษที่ 18 ออกแบบโดย Hans Brindfors ศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวสวีเดน ขวดแก้วใสนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของวอดก้า และตัวอักษรสีน้ำเงินบนขวดก็ถูกนำมาใช้เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์ของน้ำ
นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ขวดรูปแบบนี้ยังกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดอันทรงพลังของแบรนด์อีกด้วย เนื่องจากมีเอกลักษณ์ที่แปลกออกไปไม่เหมือนขวดวอดก้ารูปแบบอื่นๆ ซึ่งเมื่อเห็นก็จะรู้เลยทันทีว่านี่คือ Absolut Vodka
ขณะเดียวกันนี้ Absolut Vodka ก็เริ่มขยายตลาดไปยังสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้นำเข้าคือบริษัท Carillon Importers, Ltd. ภายใต้การดูแลของบริษัทนี้ Absolut Vodka ในสหรัฐอเมริกาก็ได้เปิดตัวโฆษณาชิ้นแรกขึ้นมาในปี 1981 ภายใต้แคมเปญ Absolut Perfection โดยโฆษณาแคมเปญนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับ Absolut Vodka เป็นอย่างมาก ซึ่งถูกนำมาใช้นานกว่า 25 ปี และเป็นโฆษณาที่ได้รับรางวัลมากมาย
ในปี 1985 CEO ของ Carillon ได้ติดต่อ Andy Warhol (แอนดี วอร์ฮอล) ศิลปิน Pop Art ชื่อดังระดับโลกให้มาออกแบบโฆษณาสำหรับ Absolut Vodka สิ่งนี้ทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และหลังจากนั้นแบรนด์ก็เริ่มทำการตลาดโดยนำเสนอขวดผ่านผลงานศิลปะ ร่วมมือกับนักออกแบบแฟชั่น และศิลปินหน้าใหม่มากมาย
ในปี 1992 Absolut Vodka ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าสู่ American Marketing Hall of Fame (หอเกียรติยศการตลาดอเมริกัน) ก่อตั้งโดยสมาชิกของ New York Chapter of the American Marketing Association (สมาคมการตลาดอเมริกัน สาขา นิวยอร์ก) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มรางวัล Effie Awards และ GreenBook ร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ เพียงสองแบรนด์ ได้แก่ Coca Cola และ Nike
นวัตกรรมรสชาติและการตลาดยุคใหม่ (ค.ศ. 2007 - ปัจจุบัน)
ในปี 2007 แบรนด์ได้เปิดตัวโฆษณาชิ้นใหม่ภายใต้แคมเปญ In An Absolut World เพื่อท้าทายความคิดแบบดั้งเดิม โดยนำเสนอความแปลกใหม่ แหวกแนว และน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งภาพโฆษณาในแคมเปญนี้มักจะนำขวด Absolut Vodka ไปไว้วางตามสถานที่ต่างๆ ที่สำคัญของหลายประเทศของโลก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Absolut Vodka ก็มีการพัฒนาขึ้นมาอีกหลากหลายรสชาติ เพื่อตอบสนองรสนิยมของผู้บริโภค เช่น Absolut Vanilla, Absolut Citron, Absolut Raspberry และ Absolut Pepper ที่นิยมนำไปทำค็อกเทล Bloody Mary
ปัจจุบัน Absolut Vodka ยังคงเป็นหนึ่งในวอดก้าชั้นนำของโลก และยังคงผลิตใน Åhus โดยใช้วิธีการกลั่นอย่างต่อเนื่องของ L.o. Smith และใช้ส่วนผสมที่มาจากในท้องถิ่นนั่นก็คือข้าวสาลีฤดูหนาว นอกจากนี้แบรนด์ได้ส่งเสริมเทคนิคการทำฟาร์มแบบยั่งยืนผ่านแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย