แชร์

Suntory (ซันโทรี่)

Suntory (ซันโทรี่) เป็นแบรนด์วิสกี้เก่าแก่จากประเทศญี่ปุ่นที่เติบโตมาจากธุรกิจเล็กๆ จนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลก ที่มีประวัติยาวนานกว่า 125 ปี วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของบริษัทเครื่องดื่มระดับโลกแห่งนี้กันค่ะ

จุดเริ่มต้น : จากร้านขายไวน์ สู่ไวน์สไตล์ญี่ปุ่นขวดแรก (ค.ศ. 1899 - 1907)

ต้นกำเนิดของ Suntory มีประวัติย้อนกลับไปในปี 1899 โดย Shinjiro Torii (ชินจิโระ โทริอิ) ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ชาวญี่ปุ่น ได้เปิดร้านชื่อ Torii Shoten ในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขายไวน์นำเข้า ซึ่งในขณะนั้นเป็นสินค้าหายากในญี่ปุ่น

ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ชินจิโระไม่เพียงขายไวน์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับไวน์ด้วย นอกจากนี้ เขายังทำการตลาดโดยคิดแคมเปญ Friday is a Day to Buy Wine (วันศุกร์คือวันซื้อไวน์) ขึ้นมา เพื่อสร้างกระแสนิยมไวน์ในประเทศญี่ปุ่น สิ่งนี้ทำให้ชาวญี่ปุ่นเริ่มเปิดรับเครื่องดื่มสไตล์ตะวันตกมากขึ้น

ชินจิโระหลงใหลในเครื่องดื่มสไตล์ตะวันตกมาก ต่อมาเขาจึงเกิดไอเดียผลิตเครื่องดื่มสไตล์ตะวันตกที่เหมาะกับรสนิยมของชาวญี่ปุ่นขึ้นมา โดยใช้แนวคิดที่ว่า ผลิตเครื่องดื่มฝรั่งที่ถูกปากคนญี่ปุ่น ซึ่งเครื่องดื่มชนิดแรกที่เขาคิดค้นขึ้นมาก็คือ Akadama Port Wine เป็นไวน์หวานแอลกอฮอล์สูงสไตล์ตะวันตกชนิดแรกของญี่ปุ่น เริ่มวางขายครั้งแรกในปี 1907 เมื่อเริ่มวางขายก็ขายดีเป็นอย่างมากจนสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทอย่างรวดเร็ว

มุ่งสู่วิสกี้ญี่ปุ่น : โรงกลั่น Yamazaki และตำนาน Usuke (ค.ศ. 1923 - 1937)

หลังจากธุรกิจไวน์ดำเนินไปได้ด้วยดี ในปี 1923 ชินจิโระจึงเริ่มมุ่งความสนใจมาที่วิสกี้ เขาตั้งใจจะผลิตวิสกี้ที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น จึงสร้างโรงกลั่นมอลต์วิสกี้แห่งแรกของญี่ปุ่นขึ้นมาชื่อว่า Yamazaki ในเขตชานเมืองเกียวโต โดยสถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในด้านน้ำคุณภาพสูง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตวิสกี้

ในช่วงที่บริษัทเริ่มผลิตวิสกี้ บรรดาคนท้องถิ่นเห็นแต่การขนข้าวสาลีกับถังเปล่าเข้าไป แต่ไม่มีใครเห็นผลิตภัณฑ์ที่ทำเสร็จออกมา จึงเกิดข่าวลือว่าที่นั่นมีสัตว์ประหลาดชื่อ Usuke อาศัยอยู่ และกินข้าวสาลีจำนวนมากในแต่ละวัน

จนกระทั่งในปี 1929 ชินจิโระได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกของโรงกลั่นนั่นก็คือ Suntory Shirofuda (ปัจจุบันคือ Suntory White) ซึ่งเป็นวิสกี้ชนิดแรกของญี่ปุ่น โดยบริษัทได้โฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์เอาไว้ว่า ตื่นได้แล้ว! ยุคที่ต้องก้มหน้านำเข้าจบแล้ว จากนั้นคนท้องถิ่นจึงเริ่มรู้แล้วว่าข้าวสาลีที่ถูกนำเข้าไปนั้น ถูกใช้ในการผลิตวิสกี้นั่นเอง ดังนั้นข่าวลือดังกล่าวจึงกลายเป็นเรื่องขบขันไปในทันที

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มวางขายวิสกี้ชนิดนี้กลับได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย เนื่องจากในช่วงแรกวิสกี้ชนิดนี้ผลิตด้วยกรรมวิธีการผลิตแบบสกอตแลนด์ รสชาติที่ได้จึงคล้ายคลึงกับวิสกี้ของสกอตแลนด์ ดังนั้นจึงไม่ได้รับความนิยมมากนักในญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม ชินจิโระยังคงไม่ยอมแพ้ เขาทดลองผลิตวิสกี้เรื่อยๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่มีความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุด จนในปี 1937 เขาก็เปิดตัว Suntory Whisky Kakubin ขึ้นมา เป็นวิสกี้ที่มีรสชาตินุ่มนวล เหมาะกับรสนิยมของชาวญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากเปิดตัวก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

การขยายธุรกิจ และการยอมรับระดับโลก (ค.ศ. 1955 - ต้นศตวรรษที่ 20)

หลังสงครามโลกครั้ง 2 ในปี 1955 Suntory ได้เปิด Suntory Bars ที่เมืองโตเกียว และโอซาก้า เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมการดื่มวิสกี้ในญี่ปุ่น โดยแนะนำ Highball ซึ่งเป็นค็อกเทลที่มีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษให้ชาวญี่ปุ่นรู้จัก นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นรู้จักการดื่มวิสกี้รูปแบบใหม่

เมื่อเวลาผ่านไป Suntory ก็ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์มากมาย เริ่มมีวิสกี้รูปแบบอื่นๆ วางจำหน่าย เช่น Suntory Old, Torys Whiskey, Suntory Royal (เปิดตัวเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งบริษัท) และ Suntory Red นอกจากนี้บริษัทยังขยายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมถึงเบียร์ น้ำอัดลม น้ำแร่ ชาเขียว และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ อีกมากมายด้วย

ในช่วงแรกๆ บริษัทผลิตวิสกี้ออกมาจำหน่ายเฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 วิสกี้ Suntory ก็ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติด้วยการเปิดตัววิสกี้ระดับพรีเมียมอย่าง Yamazaki, Hakushu และ Hibiki (เปิดตัวเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีของการก่อตั้งบริษัท) ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจารณ์เครื่องดื่ม

รางวัลแห่งความสำเร็จ และการเติบโตสู่ยักษ์ใหญ่ระดับโลก (ค.ศ. 2003 - ปัจจุบัน)

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จครั้งสำคัญก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2003 เมื่อวิสกี้ Yamazaki อายุ 12 ปี ของ Suntory ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขัน International Spirits Challenge (ISC) ซึ่งตอกย้ำชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตวิสกี้ระดับโลก

ในปี 2005 Suntory Single Malt Whisky Yamazaki อายุ 18 ปี ได้รับรางวัล Double Gold Award ครั้งแรกของญี่ปุ่นที่งาน San Francisco World Spirits Competition (SWSC) การได้รับการยอมรับนี้ผลักดันให้ Suntory ก้าวสู่เวทีระดับโลกกลายเป็นหนึ่งใน 5 วิสกี้ที่ดีที่สุดของโลก และเป็น The Japanese Whisky หนึ่งเดียวที่ได้รับการอนุมัติจดทะเบียนในอเมริกา

ความสำเร็จของ Suntory ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในปี 2006 Suntory Single Malt Whisky Hakushu อายุ 18 ปี ก็ได้รับรางวัลเหรียญทองที่ International Spirits Challenge (ISC) อีกครั้งหนึ่ง และในปี 2008 Suntory Whisky Hibiki อายุ 30 ปี ก็ได้รับรางวัลเหรียญทองที่ International Spirits Challenge (ISC) อีกเช่นเคย นี่จึงนับเป็นความสำเร็จครั้งที่ 3 ของบริษัทที่ได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่นี้

ในปี 2014 Suntory เริ่มขยายการดำเนินงานออกไปนอกประเทศญี่ปุ่น โดยการซื้อกิจการ Beam Inc. ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสุราชั้นนำของอเมริกาที่โด่งดังจาก Jim Beam Bourbon ด้วยมูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 583,576,000,000 บาท) แล้วก่อตั้งบริษัทย่อยเป็น Beam Suntory เพื่อขยายฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา (เมื่อ 24 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา บริษัทได้รีแบรนด์เปลี่ยนชื่อเป็น Suntory Global Spirits)

การควบรวมกิจการครั้งนี้ทำให้ Jim Beam Bourbon และ Maker's Mark ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้การดูแลของ Beam Inc. ตกอยู่ภายใต้การดูแลของ Beam Suntory ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Suntory ในญี่ปุ่น นอกจากนี้ การควบรวมดังกล่าวยังส่งผลทำให้ Beam Suntory กลายเป็น บริษัทวิสกี้ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก Diageo และ Pernod Ricard

ตลอดช่วงประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน Suntory ยังคงรักษาความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อความยั่งยืน และการดูแลสิ่งแวดล้อม บริษัทได้ริเริ่มโครงการต่างๆ มากมาย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงความพยายามในการอนุรักษ์น้ำ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการจัดหาส่วนผสมที่ยั่งยืน ภายใต้ปรัชญา Mizu To Ikiru (การอยู่ร่วมกับน้ำ) ตอกย้ำความทุ่มเทในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนชุมชน


บทความที่เกี่ยวข้อง
Wheat Beer (วีทเบียร์)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ Wheat Beer (วีทเบียร์)
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์)
ทำความรู้จัก Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศเยอรมนี และตำนานของ Saint Hubertus อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์และตราสัญลักษณ์รูปกวางและไม้กางเขน
Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท) วิสกี้รสนุ่มนวลเคล้ากลิ่นผลไม้จากเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ