แชร์

ภัยคุกคามร้ายแรงของไร่องุ่นในฝรั่งเศส

ย้อนกลับไปประมาณ 160 ปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศส หนึ่งในผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ของโลก ต้องเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงที่ทำลายไร่องุ่น ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตไวน์จนเกือบจะสูญสิ้นไปทั้งระบบ โดยต้นตอของปัญหาที่ใหญ่หลวงนี้มาจากแมลงชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กจนยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่ชื่อว่า Phylloxera (ฟิลอคเซรา) วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของวิกฤติการณ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้กันค่ะ

จุดเริ่มต้นของหายนะ: การนำเข้าองุ่นที่ไม่ถูกตรวจสอบ และ "โรคลึกลับ" (ศตวรรษที่ 18 - ค.ศ. 1860)

เรื่องราวเล่าว่าใน ศตวรรษที่ 18 อุตสาหกรรมไวน์ของฝรั่งเศส และอเมริกามีความเจริญรุ่งเรือง ผู้ผลิตไวน์เริ่มนำองุ่นจากอเมริกามาทดลองปลูกในฝรั่งเศส เพื่อศึกษา และขยายพันธุ์ แต่ต้นองุ่นที่นำเข้ามานั้นถูกนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย และไม่มีการตรวจสอบ

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1860 โรคลึกลับ เริ่มทำลายไร่องุ่นในฝรั่งเศสเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้เถาองุ่นเน่าเปื่อย และตายไป กลายเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ และในไม่ช้าโรคลึกลับนี้ก็แพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในยุโรป เช่น อิตาลี สเปน และเยอรมนี มีเพียงชิลีเท่านั้นที่เป็นผู้ผลิตไวน์รายใหญ่เพียงรายเดียวที่รอดพ้นจากการแพร่ระบาด

การค้นพบตัวการ: Phylloxera แมลงร้ายจากอเมริกาเหนือ (ค.ศ. 1868)

นักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปพยายามหาคำตอบ โดยตั้งข้อสันนิษฐานมากมาย ตั้งแต่สภาพดิน น้ำ อากาศ และวิธีการเพาะปลูก จนในที่สุดปี ค.ศ. 1868 พวกเขาก็พบว่าต้นองุ่นเหล่านี้เป็นเหยื่อของแมลงปรสิตสีเหลืองตัวเล็กๆ ที่เกาะกินราก และใบ โดยแมลงเหล่านี้มีชื่อว่า Phylloxera (ฟิลอคเซรา) จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพลี้ยอ่อนที่มาจากอเมริกาเหนือ คาดว่าน่าจะติดมาจากต้นองุ่นของอเมริกาที่ลักลอบนำเข้ามาปลูกในฝรั่งเศส

แต่นี่ไม่ใช่ความผิดทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา เพราะชาวฝรั่งเศสนำปัญหาเข้ามาเองโดยที่ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตไวน์มากมายขนาดนี้

Phylloxera มีวงจรชีวิตอยู่ 2 รูปแบบ คืออาศัยอยู่ใต้ดิน และเหนือพื้นดิน โดยตัวที่อยู่ใต้ดินจะกินราก ส่วนตัวที่อยู่บนดินจะกินใบของต้นองุ่น นอกจากนี้ตัวที่อยู่เหนือพื้นดินยังถูกลมพัดไปยังต้นอื่นๆ ได้ง่ายอีกด้วย สิ่งนี้จึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว

อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วก็คือการจัดสวนองุ่นในอดีตมีความหนาแน่น ไม่เป็นระเบียบ และอยู่ติดกันมากเกินไป แตกต่างจากที่เราเห็นในปัจจุบันที่ต้นองุ่นจะถูกปลูกเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งแนวทางนี้ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Phylloxera นั่นเอง

ผลกระทบมหาศาล: เศรษฐกิจ สังคม และสายพันธุ์องุ่น (15 ปีแห่งความเสียหาย)

เป็นระยะเวลากว่า 15 ปี ที่โรคลึกลับนี้โจมตีไร่องุ่นในฝรั่งเศสจนวอดวาย พื้นที่ทั้งหมดถูกทิ้งร้าง นำไปสู่ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ผลผลิตลดลงกว่า 40% รวมถึงพืชอื่นๆ ด้วย สิ่งนี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล อีกทั้งยังทำให้องุ่นบางสายพันธุ์เกือบจะสูญพันธุ์ไปอีกด้วย โดยเฉพาะ Carménère ที่เคยปลูกอย่างแพร่หลายในเมืองเบอร์โดซ์ แต่ช่วงนั้นแทบหาไม่ได้แล้วในฝรั่งเศส

ภัยคุกคามครั้งนั้นถือเป็นหายนะระดับชาติ เนื่องจากวิกฤติดังกล่าวส่งผลกระทบทางสังคมด้วย คนงานในชนบทจำนวนมากต้องอพยพไปยังเมืองต่างๆ เพื่อหางานทำ สิ่งนี้ส่งผลให้ภูมิทัศน์ทางประชากรศาสตร์ในชนบทของฝรั่งเศสเปลี่ยนแปลงไป

ทางรอดและนวัตกรรม: การต่อกิ่งองุ่น (Grafting) และอนาคตของการเพาะปลูก

อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูกองุ่นบางคนยังคงพยายามหาทางแก้ไขปัญหา เช่น การฝังคางคกเป็นๆ ไว้ใต้เถาวัลย์เพื่อดูดซับพิษ ทำให้น้ำท่วมไร่ รวมถึงใช้สารเคมี แต่ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุด Jules-Emile Planchon นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ได้แนะนำว่าให้ลองนำองุ่นสายพันธุ์ยุโรปมาต่อเข้ากับต้นตอขององุ่นสายพันธุ์อเมริกาที่มีภูมิต้านทาน Phylloxera อยู่แล้วตั้งแต่กำเนิด

ครั้งแรกแนวคิดนี้ได้รับการต่อต้านจากผู้ผลิตไวน์แบบดั้งเดิม แต่ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ผู้ปลูกองุ่นบางคนจึงลองแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ พวกเขาทดลองอยู่หลายพันครั้ง โดยใช้องุ่นสายพันธุ์ Vitis vinifera ของยุโรป ต่อเข้ากับ Vitis rupestris และ Vitis riparia สายพันธุ์อเมริกา จนในที่สุดก็สามารถหยุดยั้งกระแสแห่งการทำลายล้างได้ ทำให้อุตสาหกรรมไวน์ในฝรั่งเศสสามารถกลับคืนมาสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับการจัดการศัตรูพืช และการพัฒนาพันธุ์พืชที่ต้านทานโรคได้

ปัจจุบัน Phylloxera ยังคงเป็นศัตรูอันดับ 1 ของไร่องุ่นทั่วยุโรป เพราะไม่ได้หายไปแบบ 100% แต่ด้วยแนวทางปฏิบัติในการจัดการไร่องุ่นที่ได้รับการพัฒนา ผู้ปลูกองุ่นจึงสามารถปรับตัวได้ และต้องคอยดูแลไร่องุ่นอย่างพิถีพิถันอยู่ตลอดเวลา


บทความที่เกี่ยวข้อง
Wheat Beer (วีทเบียร์)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ Wheat Beer (วีทเบียร์)
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์)
ทำความรู้จัก Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศเยอรมนี และตำนานของ Saint Hubertus อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์และตราสัญลักษณ์รูปกวางและไม้กางเขน
Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท) วิสกี้รสนุ่มนวลเคล้ากลิ่นผลไม้จากเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ