Yorkshire Pudding (ยอร์กเชียร์พุดดิ้ง)
อังกฤษเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ไม่เพียงแค่ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจนักเดินทางจากทั่วโลก แต่ อาหารอังกฤษแบบดั้งเดิม อย่าง Yorkshire Pudding (ยอร์กเชียร์พุดดิ้ง) ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ชวนให้ผู้คนมาเยือนเมืองผู้ดีแห่งนี้ ด้วยเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่เข้ากันได้ดีกับเมนูเนื้อต่างๆ วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกถึงเรื่องราวความเป็นมาของขนมปังพุดดิ้งแสนอร่อยนี้กันค่ะ
กำเนิด Yorkshire Pudding: จาก Dripping Pudding ในศตวรรษที่ 18
Yorkshire Pudding มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปใน ศตวรรษที่ 18 ในเมือง ยอร์ก (York) ทางตอนเหนือของอังกฤษ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อย่างและอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญ เชื่อกันว่าในช่วงเวลาที่แป้งสาลีเริ่มถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการทำเค้กและพุดดิ้ง พ่อครัวชาวอังกฤษตอนเหนือได้ทดลองนำ น้ำเกรวี่ (gravy) หรือไขมันที่เหลือจากการย่างเนื้อ (เรียกว่า "drippings") มาผสมลงไปในแป้งที่เตรียมไว้ จากนั้นจึงนำไปอบให้เป็นพุดดิ้งสำหรับทานคู่กับเนื้อย่างที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ
ในตอนแรก พุดดิ้งรูปแบบนี้ยังไม่มีชื่อเรียกที่เป็นทางการว่า Yorkshire Pudding แต่จะถูกเรียกว่า Dripping Pudding ซึ่งสื่อถึงการใช้ไขมันที่หยดลงมาจากเนื้อย่าง หรือ Pan Pudding ซึ่งหมายถึงการอบในกระทะโลหะ เหตุผลที่พวกเขาคิดค้นเมนูนี้ขึ้นมาก็เพื่อใช้ประโยชน์จากไขมันเนื้อที่เหลือจากการย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังเป็นวิธีการอิ่มท้องในราคาประหยัดสำหรับครอบครัวอีกด้วย
การเปลี่ยนชื่อและก้าวสู่ความนิยม: ตำราอาหารของ Hannah Glasse
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 Yorkshire Pudding เริ่มเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีสูตรปรากฏอยู่ในตำราอาหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่งในยุคนั้น นั่นคือ The Art of Cookery made Plain and Easy ของ Hannah Glasse ที่ตีพิมพ์ในปี 1747 แต่ชื่อที่ปรากฏในตำรานี้คือ Yorkshire Pudding ซึ่งอาจเป็นเพราะชื่อเมืองยอร์กเชียร์ที่เป็นแหล่งกำเนิดของพุดดิ้งรูปแบบนี้ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อของพุดดิ้งจึงถูกเปลี่ยนมาเป็น Yorkshire Pudding ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
เมื่อเวลาผ่านไป Yorkshire Pudding ก็แพร่กระจายความนิยมไปทั่วอังกฤษ จนกลายเป็นหนึ่งในเมนูอาหารคลาสสิกและเป็นส่วนสำคัญของ อาหารประจำวันอาทิตย์ (Sunday Roast) ของชาวอังกฤษ ที่มักจะทานกันเป็นมื้อเที่ยงหลังกลับจากโบสถ์ การรับประทาน Sunday Roast ที่ประกอบด้วยเนื้อย่าง มันฝรั่งอบ และ Yorkshire Pudding กลายเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ลักษณะและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
ลักษณะที่โดดเด่นของ Yorkshire Pudding คือ เนื้อพุดดิ้งจะมีสีเหลืองทองสวยงาม มีผิวสัมผัสที่ กรอบนอกนุ่มใน ภายในมีโพรงอากาศขนาดใหญ่ซึ่งเกิดจากไอน้ำร้อนขณะอบ รสชาติของ Yorkshire Pudding จะออกหวานมันเล็กน้อย มีกลิ่นหอมของไข่ และนม ผสมผสานกับกลิ่นหอมของไขมันเนื้อที่ใช้ในการอบได้อย่างลงตัว นิยมทานเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย โดยจิ้มกับน้ำเกรวี่หอมหัวใหญ่ หรือน้ำเกรวี่ที่ทำจากน้ำที่ได้จากการย่างเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรสชาติและความกลมกล่อมให้กับเมนูนี้เป็นอย่างมาก
ความหลากหลายของ Yorkshire Pudding ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นอกจากรูปแบบดั้งเดิมที่นิยมเสิร์ฟคู่กับเนื้อย่างแล้ว Yorkshire Pudding ยังได้รับการพัฒนาให้มีรูปแบบอื่นๆ อีกมากมายตามความสร้างสรรค์ของเชฟและคนรักอาหาร เช่น:
- Mini Yorkshire Puddings หรือที่เรียกกันติดปากว่า Yorkshire Puds: เป็นพุดดิ้งขนาดเล็กพอดีคำ เหมาะสำหรับเสิร์ฟเป็นของว่าง หรือเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเรียกน้ำย่อยแบบคานาเป้ (canapés)
- Toad-in-the-hole: เป็นเมนูอาหารคลาสสิกอีกจานหนึ่งของอังกฤษที่นำไส้กรอกไปอบในส่วนผสมของ Yorkshire Pudding ซึ่งเป็นเมนูที่อิ่มอร่อยและทำง่าย
ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน Yorkshire Pudding ยังคงหยั่งรากลึกในประเพณีการทำอาหารของอังกฤษ โดยมีการจัดตั้งประเพณีที่เรียกว่า British Yorkshire Pudding Day ซึ่งจะเฉลิมฉลองกันในวันอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อเป็นการยกย่องและส่งเสริมความสำคัญของขนมปังพุดดิ้งอันเป็นเอกลักษณ์นี้
ปัจจุบัน อิทธิพลของ Yorkshire Pudding ได้ก้าวข้ามพรมแดน และแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของโลก ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และความเข้ากันได้ดีกับเมนูเนื้อ ทำให้เป็นที่นิยมในหลายประเทศ เช่น ใน สหรัฐอเมริกา มักจะเสิร์ฟ Yorkshire Pudding ในงานเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ขณะที่ใน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ก็นิยมทานเป็นส่วนหนึ่งของอาหารค่ำคู่กับเนื้อย่างเช่นกัน