Mulled Wine (ไวน์ร้อน)
คริสต์มาสเป็นเทศกาลที่มักจะปกคลุมไปด้วยอากาศหนาวเย็น ดังนั้นอาหารและเครื่องดื่มในงานเลี้ยงฉลองจึงมักจะนิยมเสิร์ฟแบบอุ่นๆ ร้อนๆ เพื่อให้ร่างกายได้คลายความหนาว ซึ่งหนึ่งในเมนูเครื่องดื่มสุด Festive ที่นิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ในเทศกาลคริสต์มาสของชาวยุโรปก็คือ Mulled Wine (มัลด์ไวน์) วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของเครื่องดื่มที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งเทศกาลนี้กันค่ะ
ประวัติศาสตร์ของ Mulled Wine
Mulled Wine เป็นเครื่องดื่มไวน์ร้อน ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน และได้รับความนิยมมาตั้งแต่ช่วง ศตวรรษที่ 2 ตามประวัติศาสตร์ ผู้ที่ริเริ่มการทำเครื่องดื่มไวน์ร้อน คือ ชาวโรมัน ซึ่งในตอนนั้นจะเรียกกันว่า Conditum Paradoxum (คอนดิทัม พาราดอกซุม) เป็นเครื่องดื่มชั้นเลิศของขุนนางชั้นสูงในสมัยนั้น ทำจากไวน์แดงต้ม ผสมกับน้ำผึ้ง และเครื่องเทศ เช่น พริกไทย ลอเรล หญ้าฝรั่น และอินทผลัม นิยมดื่มเพื่อช่วยคลายความหนาว
ต่อมาในช่วง ศตวรรษที่ 12 เครื่องดื่มไวน์ร้อน ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งยุโรป ชาวฝรั่งเศสและสเปนมักจะต้มไวน์แดงผสมกับเครื่องเทศที่มีรสชาติเผ็ดหวาน และสมุนไพรหลากหลายชนิด เพราะเชื่อว่าสมุนไพรจะช่วยบำรุงสุขภาพ และปกป้องร่างกายจากการเจ็บป่วยได้ แล้วเรียกเมนูนี้ว่า Spicy Wine
ที่มาของชื่อ Mulled Wine
ในช่วง ศตวรรษที่ 13 พระเจ้าเฮนรีที่ 3 แห่งอังกฤษ (Henry III of England) ได้เดินทางไปยังเมืองมงเปอลีเยร์ (Montpellier) ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส แล้วพระองค์ได้ลองชิมเครื่องดื่มที่ชื่อว่า Spicy Wine ซึ่งเป็นเครื่องดื่มไวน์ร้อนที่มีรสชาติแปลกใหม่ แตกต่างจากไวน์ธรรมดาทั่วไป พระองค์ชื่นชอบเครื่องดื่มชนิดนี้มาก จึงได้นำสูตรกลับไปยังประเทศอังกฤษ และในเวลานี้เองที่ว่ากันว่าเครื่องดื่มไวน์ร้อนถูกเรียกโดยชาวอังกฤษว่า Mulled Wine
จากนั้นในปี 1843 Mulled Wine ก็ไปปรากฏอยู่ในนิยายคลาสสิกอันโด่งดังเรื่อง Christmas Carol (เพลงคริสต์มาส) โดย Charles Dickens (ชาร์ลส์ ดิคคินส์) ส่งผลให้ Mulled Wine กลายเป็นเครื่องดื่มประจำเทศกาลคริสต์มาสอย่างเป็นทางการนับแต่นั้นมา
ความนิยมของ Mulled Wine ในวันคริสต์มาส
หลังจากเครื่องดื่มชนิดนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วยุโรป ในช่วงปี 1890 ความนิยมของ Mulled Wine ในเทศกาลคริสต์มาสก็ได้ทวีคูณขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ตลาดคริสต์มาสแบบดั้งเดิม เหล่าพ่อค้าแต่ละรายจะนำเสนอเครื่องดื่มไวน์ร้อนในฉบับที่ผลิตขึ้นมาเอง โดยมีสูตรที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีการออกแบบแก้วหรือฉลากเพื่อให้โดดเด่นกว่าคู่แข่งอีกด้วย ซึ่งการแข่งขันที่ดีระหว่างพ่อค้าเหล่านี้ ได้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่ตลาดคริสต์มาสมากยิ่งขึ้น เช่น Winter Wonderland ที่ลอนดอน และท้ายที่สุดเครื่องดื่มไวน์ร้อนชนิดนี้ ก็ได้รับความนิยมในเทศกาลคริสต์มาสทุกปี ๆ มาจนถึงปัจจุบันนั่นเองค่ะ
เดิมทีการทำไวน์ร้อน เชื่อกันว่าเป็นการนำไวน์ที่เหลือหรือกำลังเสื่อมคุณภาพมาต้ม และผสมกับเครื่องเทศชนิดต่างๆ อาจกล่าวได้ว่า เป็นอีกวิธีที่เราจะใช้ประโยชน์จากไวน์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดนั่นเองค่ะ แต่ในปัจจุบันการดื่มไวน์ร้อนไม่ได้ดื่ม เพราะต้องการนำไวน์ที่เหลือมาใช้ประโยชน์ เพื่อความคุ้มค่าเพียงอย่างเดียว เนื่องจากไวน์ร้อนได้กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม ที่ผู้คนต่างก็ดื่มเพื่อความอร่อย และความสนุกสนาน ดังนั้นจึงมักจะหาไวน์คุณภาพดีมาทำเครื่องดื่มชนิดนี้แทน เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่รสชาติดีน่าดื่มมากยิ่งขึ้น
สูตร Mulled Wine แบบดั้งเดิม
วัตถุดิบ (ingredients)
- ไวน์แดง 1 ขวด
- น้ำตาลขาว 4 ช้อนโต๊ะ
- อบเชย 2 แท่ง
- กานพลู 4 ก้าน
- โป๊ยกั๊ก 2 ชิ้น
- ส้ม 1 ลูก ฝานเป็นแว่นๆ
วิธีการทำ
- เทไวน์ลงไปในหม้อ แล้วใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไป
- ตั้งไฟอ่อนจนถึงไฟกลาง ให้ไวน์เกิดความร้อนจนควันเริ่มขึ้น (ห้ามต้มจนเดือดพล่าน)
- ต้มไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นดับไฟแล้วพักทิ้งไว้ให้รสชาติของเครื่องเทศผสมผสานเข้าไปในไวน์
ที่จริงแล้วเราสามารถดัดแปลงสูตร ใส่เครื่องเทศและผลไม้ตามที่เราชอบได้เลยค่ะ บางท่านอาจจะเติมแอปเปิ้ลหรือผลเบอร์รี่ต่างๆ เข้าไป เพื่อให้ได้กลิ่นรสที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ใครมีสูตรทำ Mulled Wine อร่อยๆ แบบไทยๆ ก็แวะมาแชร์ให้ริมปิงด้วยนะคะ