แชร์

Pemmican ( เพมมิแคน)

ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 50,000 ปี ก่อนคริสตกาล มนุษย์ในชนเผ่าเร่ร่อนมักจะดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และไม่ลงหลักปักฐาน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาอาหารทำเป็นเสบียงไว้กินระหว่างการเดินทางหรือออกไปล่าสัตว์ ซึ่งในระหว่างการเดินทางไกลนี้จำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล ด้วยเหตุนี้เองจึงนำไปสู่การเกิดขึ้นของ เพมมิแคน (Pemmican) อาหารเสริมพลังงานรูปแบบแรกสุดของมนุษยชาติที่คิดค้นขึ้นเพื่อความอยู่รอด

Pemmican สูตรดั้งเดิมจะทำมาจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น กระทิง ควาย กวาง หรือกวางมูส หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปตากแห้งจนแข็ง จากนั้นนำมาทุบให้ละเอียดคล้ายผง แล้วนำมาผสมกับไขมันสัตว์ที่ละลาย (tallow) จากนั้นนำมาปั้นเป็นก้อนหรืออัดเป็นแท่ง ทำเป็นเสบียงสำหรับเดินทางไกล เพื่อให้ได้พลังงานที่เข้มข้นและสามารถพกพาได้สะดวกในทุกสภาพอากาศ

ในยุคถัดมา Pemmican ได้รับการพัฒนาโดยชนเผ่าพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือ โดยปรับให้เข้ากับทรัพยากรและประเพณีในท้องถิ่น ซึ่งมีการเพิ่มส่วนผสมของผักและผลไม้ลงไป เช่น เบอร์รี่ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ผลไม้แห้ง รวมไปถึงถั่วนานาชนิด เพื่อเพิ่มรสชาติ คุณค่าทางโภชนาการ และความหลากหลายให้กับอาหารชนิดนี้

ที่มาของชื่อ Pemmican และคุณสมบัติเด่น

คำว่า Pemmican มาจากคำว่า Pimihkan (พิมีฮิกัน) ในภาษาของชนเผ่า Cree (ครี) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ทั่วแคนาดา มีความหมายว่า ไขมันที่ถูกทำขึ้นมา (Manufactured grease) ชื่อนี้สื่อถึงลักษณะเด่นของ Pemmican ที่ถูกทำให้มีเนื้อสัมผัสที่เหนียวแน่นและสามารถเก็บรักษาไว้ได้อย่างยาวนานหลายปีเมื่อจัดเก็บอย่างเหมาะสม เนื่องจากมีปริมาณไขมันสูงที่ช่วยรักษาสภาพของเนื้อสัตว์ไม่ให้เน่าเสีย

บทบาทสำคัญทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการค้า

ในยุคสมัยนั้น Pemmican เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับชนเผ่าพื้นเมืองที่ต้องเดินทางล่าสัตว์ หรือเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน พ่อค้าขนสัตว์ และนักสำรวจในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เนื่องจากมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน และเป็นแหล่งรวมแคลอรี่ โปรตีน และไขมันที่สำคัญในช่วงฤดูหนาวที่อาหารสดขาดแคลน ด้วยเหตุนี้เอง Pemmican จึงกลายเป็นศูนย์กลางในด้านอาหารและวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอด

นอกจากนี้ Pemmican ยังมีบทบาทสำคัญในการค้าขายระหว่างชนเผ่าพื้นเมืองอีกด้วย โดยกลายเป็นสินค้าที่มีค่าและมักถูกแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่น ๆ เช่น ขนสัตว์ เครื่องมือ และเสื้อผ้า ซึ่งเครือข่ายการค้านี้ช่วยเชื่อมโยงชุมชนพื้นเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกล จนทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวัฒนธรรม สินค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในวงกว้าง

การเปลี่ยนแปลงในยุคชาวยุโรปและการลดลงของประชากรสัตว์ป่า

ในศตวรรษที่ 16 เมื่อชาวยุโรปเดินทางเข้าสู่อเมริกาเหนือ Pemmican ก็เริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มนักเดินทางสำรวจและนักล่าสัตว์ชาวยุโรป พวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งพลังงานนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจาก Pemmican ถือเป็นอาหารในอุดมคติสำหรับการเดินทางที่ต้องเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ ในหนทางที่ยาวไกลและทุรกันดาร ซึ่งการพกพาอาหารสดไปนั้นทำได้ยาก

ในช่วงศตวรรษที่ 19 Pemmican ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จนนำไปสู่การซื้อขายและการผลิตจำนวนมหาศาลโดยชนเผ่าพื้นเมือง เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวยุโรป ซึ่งการค้านี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาค อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการผลิตเพิ่มมากขึ้น การล่าสัตว์ก็ย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วยเพื่อหาวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้เอง ในเวลาไม่นานประชากรสัตว์ป่าสำคัญอย่างควาย กระทิง และกวางก็เริ่มลดน้อยลงอย่างน่าเป็นห่วง นำไปสู่การลดลงของการผลิตและการบริโภค Pemmican ในที่สุด

Pemmican ในยุคสมัยใหม่: การกลับมาของ Energy Bar โบราณ

ในยุคสมัยใหม่ Pemmican ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนโดยหันมาใช้เนื้อวัว หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่หาได้ง่ายกว่าและยั่งยืนกว่าแทนเนื้อสัตว์ป่า ซึ่งกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในแง่ของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในกลุ่มคนที่ใส่ใจสุขภาพที่ชื่นชอบอาหารที่มีโปรตีนสูงและไขมันดี (low-carb, high-fat diets) รวมไปถึงได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและผู้ที่ต้องการอาหารที่ให้พลังงานสูง พกพาสะดวกสำหรับการเดินป่า ปีนเขา หรือตั้งแคมป์

Pemmican เป็นมากกว่าแค่ Energy Bar โบราณ แต่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเอาชีวิตรอด การปรับตัวของมนุษย์ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาด ที่ยังคงเป็นแหล่งพลังงานที่น่าเชื่อถือและได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Kebabs (เคบับ)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Kebabs (เคบับ) อาหารปรุงสุกที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง
Molecular Gastronomy (โมเลคิวล่าร์ แกสตรอโนมี่)
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์เข้าครัว? ชวนทำความรู้จัก Molecular Gastronomy (โมเลคิวล่าร์ แกสตรอโนมี่) ศาสตร์แห่งการทำอาหารเชิงโมเลกุล
"หอยนางรม" อัญมณีแห่งท้องทะเล
ทำไมใครๆ ก็หลงรัก "หอยนางรม" อัญมณีแห่งท้องทะเล?
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ