แชร์

Rutabaga (รูตาบากา)

Rutabaga (รูตาบากา) หรือที่รู้จักกันในชื่อ สวีด (Swede) เป็นผักรากที่เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากการผสมเกสรข้ามสายพันธุ์โดยบังเอิญระหว่างหัวผักกาดและกะหล่ำปลี ถูกค้นพบในป่าแถบสแกนดิเนเวีย เมื่อปี ค.ศ. 1600 ซึ่งได้รับการบันทึกครั้งแรกโดย Gaspard Bauhin นักพฤกษศาสตร์ชาวสวิส จากนั้นเขาจึงตั้งชื่อสายพันธุ์ผักรากชนิดนี้ว่า Brassica napobrassica แต่สำหรับชาวสวีเดนทั่วไปมักจะเรียกผักรากชนิดนี้ว่า Rotabagge ซึ่งแปลว่า ถุงราก ก่อนจะถูกเรียกว่า Rutabaga ในภายหลัง

เส้นทางการเดินทาง: จากอาหารสัตว์สู่ขบวนการโยนรูตาบากา

ในศตวรรษที่ 17 Rutabaga ถูกนำเข้าไปในสกอตแลนด์ และจากนั้นไม่นานก็ได้แพร่หลายไปทั่วสหราชอาณาจักร ในตอนแรกนิยมปลูก เพื่อเป็นอาหารสัตว์ แต่ในไม่ช้าก็เริ่มได้รับความนิยมในการทำอาหาร โดยในทวีปอเมริกาเริ่มรู้จัก Rutabaga ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถึงขั้นจัดการแข่งขันโยน Rutabaga เพื่อคลายหนาวกันเลยทีเดียว

กิจกรรมที่ว่านี้มีชื่อว่า International Rutabaga Curling Championship เป็นการแข่งขันกีฬาประเภทหนึ่งที่ต้องใช้ Rutabaga เป็นอุปกรณ์ในการแข่งขัน ลักษณะจะคล้าย ๆ กับกีฬาเปตอง แต่กิจกรรมนี้น่าจะเป็นแนวกีฬาพื้นบ้านที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกสนาน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนธันวาคมของทุกปีที่ตลาด Ithaca Farmers ซึ่งเป็นตลาดของเกษตรกรในนิวยอร์ก กิจกรรมนี้จัดขึ้นตั้งแต่ปี 1998 โดยผู้เข้าร่วมจะต้องใช้เพียง Rutabagas เท่านั้นในการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่ามีการแข่งกีฬานี้อย่างลับ ๆ อยู่สองปีในปี 1996 และ 1997 โดยพ่อค้าแม่ค้าจะฉลองการสิ้นสุดของฤดูกาลด้วยการขว้างสินค้าแช่แข็งที่ใกล้จะเน่าเสียลงบนพื้นตลาด โยนทุกอย่างตั้งแต่มันฝรั่ง ซินนามอนโรล กะหล่ำปลี ไปจนถึงไก่แช่แข็ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กฎก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง โดยคณะกรรมการ ผู้ตัดสินได้แนะนำให้ใช้ Rutabaga แทน เพราะมีลักษณะกลมคล้ายกับลูกบอล สามารถใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับการแข่งขันได้ อันเนื่องมาจาก Rutabaga เองก็เป็นผักที่มีมากจนล้นตลาด

บทบาทสำคัญในยามสงครามและลักษณะเฉพาะตัว

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 Rutabaga เป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งถูกนำมาใช้แทนมันฝรั่งในหลายประเทศในยุโรป เนื่องจากในเวลานั้นมันฝรั่งกลายเป็นพืชที่ขาดแคลนและมีราคาสูง

Rutabaga จะมีความคล้ายกับหัวผักกาดแต่มีขนาดใหญ่กว่าและมีเนื้อด้านในเป็นสีเหลืองซีด ซึ่งตรงกันข้ามกับหัวผักกาดที่เนื้อด้านในเป็นสีขาว ส่วนผิวด้านนอกจะมีสีม่วงอมครีม เนื้อด้านในกรอบฉ่ำน้ำ มีรสหวานอมขมเล็กน้อย กลิ่นหอมละมุน เมื่อนำมาต้มแล้วจะคล้ายกับมันฝรั่ง สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย ทั้งผัด นึ่ง ทอด บด ต้ม สามารถทานได้ทั้งแบบปรุงสุกและแบบดิบ

เมนูยอดนิยมและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ

  • ในฟินแลนด์มีเมนูที่ทำจาก Rutabaga ที่ได้รับความนิยมหลากหลาย เช่น lanttulaatikko, Karelian hot pot และ Salad Rutabaga
  • ในสแกนดิเนเวีย นิยมนำ Rutabaga มาบดรวมมันฝรั่งและแครอท ปรุงรสด้วยเนย น้ำสต๊อก นมและครีม เรียกว่า Rotmos หรือ kålrabistappe ในภาษานอร์เวย์
  • ชาวเนเธอร์แลนด์นิยมนำมาต้มและบดทำเป็น Stamppot ทานคู่กับไส้กรอกรมควัน ส่วนอังกฤษจะนิยมนำไปเป็นส่วนผสมในเมนูที่มีชื่อว่า Cornish Pasty

นอกเหนือจากการใช้ทำอาหารแล้วในแง่ของคุณสมบัติทางโภชนาการ Rutabagas อุดมไปด้วยเกลือแร่ โพแทสเซียม แคลเซียม และไอโอดีน มีแคลอรีต่ำช่วยป้องกันโรคอ้วน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายเซลล์ได้

โดยในทุก ๆ เดือนร่างกายของผู้หญิงจะสูญเสียธาตุเหล็กจำนวนมากจากการเป็นประจำเดือน ซึ่งทำให้ระดับฮอร์โมนฮีโมโกลบินลดลง แต่ Rutabaga มีธาตุเหล็กสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนฮีโมโกลบินให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ ดังนั้นจึงมีส่วนช่วยให้ร่างกายไม่อ่อนแรงและลดการปวดท้องประจำเดือนได้
Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Jartisann (จาร์ทิซานน์)
ชวนรู้จัก Jartisann (จาร์ทิซานน์) แบรนด์ชีสสัญชาติไทยแท้ 100% ผลิตในจังหวัดเชียงใหม่
Bay Leaf (ใบกระวาน)
Bay Leaf (ใบกระวาน) เครื่องเทศตะวันตกกับความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ
Chips and Dip (ชิปแอนด์ดิป)
วัฒนธรรมการทาน Chips and Dip (ชิปแอนด์ดิป) ของชาวอเมริกัน: ขนมขบเคี้ยวคู่ใจในทุกโอกาส
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ