แชร์

Palacio Marqués de Viana (ปาลาซิโอ มาร์เกส เด เบียนา)

แบรนด์น้ำมันมะกอกพรีเมียมจากอันดาลูเซีย

Palacio Marqués de Viana (ปาลาซิโอ มาร์เกส เด เบียนา) คือเแบรนด์น้ำมันมะกอก Extra Virgin ระดับพรีเมียมจากประเทศสเปนที่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ยาวนานนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ในแคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน

ความเชื่อมโยงกับตระกูล Saavedra

ประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Palacio Marqués de Viana มีความเชื่อมโยงกับตระกูล Saavedra (ซาอาเบดรา) ซึ่งได้รับการสถาปนาให้เป็น Marquess of Viana (มาร์เกสแห่งเบียนา) โดยกษัตริย์ Alfonso XII of Bourbon (อัลฟอนโซที่ 12) ได้พระราชทานให้แก่ Teobaldo de Saavedra (เตโอบัลโด เด ซาอาเบดรา)

บทบาทสำคัญของมาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2

อย่างไรก็ตามบทบาทที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Palacio Marqués de Viana เกิดขึ้นในสมัยของ José de Saavedra y Salamanca (โฮเซ เด ซาอาเบดรา อี ซาลามันกา) มาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 ผู้ซึ่งได้รับมรดก รวมถึงพระราชวัง Marqués de Viana มาจากมาร์เกสแห่งเบียนาองค์แรก

พระราชวัง Marqués de Viana แห่ง Sierra Mágina

พระราชวัง Marqués de Viana ตั้งอยู่ในเชิงเขาของเทือกเขา Sierra Mágina (ซีเอร์รา มากีนา) ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ Garciez (การ์ซีเอซ) พระราชวังแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมสเปนแบบเรอเนซองส์ที่มีความโดดเด่น โดยเริ่มต้นก่อสร้างในศตวรรษที่ 16 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอาคารที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมพิเศษในปี ค.ศ. 2006

มาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 และความหลงใหลในน้ำมันมะกอก

มาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 เป็นทหารอาชีพที่มีความหลงใหลในน้ำมันมะกอก และเป็นเพื่อนสนิทของกษัตริย์ Alfonso XIII of Bourbon (อัลฟอนโซที่ 13) เขาดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก ได้แก่ ตำแหน่ง Gentilhombre Grande de España ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902 ตำแหน่ง Caballerizo Mayor ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1906 และเป็นสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1905-1923 นอกจากนี้เขายังมีชื่อเสียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการล่าสัตว์ โดยเป็นผู้จัดงาน และมีอำนาจสูงสุดในการล่าสัตว์ของราชวงศ์

ผู้บุกเบิกแนวคิด Extra Virgin Olive Oil

มาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันมะกอกของสเปน เขาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์สเปนที่พูดถึง Extra Virgin Olive Oil แต่ในยุคนั้นจะยังเรียกว่า Pure Olive Oil เพราะก่อนหน้านั้นน้ำมันมะกอกมักจะถูกผสมกับน้ำมันจากเมล็ดพืชอื่น ๆ

การเยือนของกษัตริย์ Alfonso XIII

ในปี ค.ศ. 1926 มาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 ได้เชิญให้กษัตริย์ Alfonso XIII เสด็จเยือน และประทับที่พระราชวัง เพื่อเยี่ยมชมโรงงานน้ำมันมะกอก ซึ่งการเยือนครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพิธีการทางราชสำนักเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการปฏิรูปอุตสาหกรรมน้ำมันมะกอกของประเทศสเปนอีกด้วย

จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมน้ำมันมะกอกสเปน

มาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 มีแนวคิดในการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันมะกอกของสเปน เขาจึงขอให้ กษัตริย์ Alfonso XIII มีส่วนร่วมในการผลักดันมาตรฐานคุณภาพ โดยเขาได้แสดงความประสงค์ต่อกษัตริย์ให้มีกฎหมายควบคุมคุณภาพอย่างเป็นทางการสำหรับภาคอุตสาหกรรมน้ำมันมะกอก

การประกาศกฎหมายควบคุมคุณภาพครั้งแรก

ในปีเดียวกันนี้ก็มีการอนุมัติกฎหมายควบคุมคุณภาพฉบับแรกสำหรับน้ำมันมะกอกของสเปน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมน้ำมันมะกอกของสเปน เพราะการอนุมัติกฎหมายนี้ส่งผลทำให้สเปนกลายเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีมาตรฐานควบคุมคุณภาพน้ำมันมะกอก

โรงงานสกัดน้ำมันมะกอกที่ล้ำสมัย

ในยุคนั้นโรงงานสกัดน้ำมันมะกอกของมาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 ถือเป็นโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลก เครื่องจักรของโรงงานแห่งนี้ได้รับการพัฒนาโดยวิศวกร Guillermo Quintanilla (กีลเลอร์โม กินตานิลลา) ซึ่งภายหลังสิทธิบัตรนี้ได้ถูกขายให้แก่อุตสาหกรรมของประเทศอิตาลี สิ่งนี้ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยผลักดันประสิทธิภาพ และมาตรฐานการผลิตน้ำมันมะกอกในยุโรป

การก่อตั้งห้องทดลองตรวจสอบคุณภาพ

นอกเหนือจากการผลักดันเรื่องกฎหมายแล้ว มาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 ยังส่งเสริมให้มีการจัดตั้งห้องทดลองสำหรับตรวจสอบคุณภาพน้ำมันมะกอก เพื่อเน้นย้ำคุณค่าต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของผู้บริโภค สิ่งนี้ทำให้น้ำมันมะกอกของสเปนเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

การสืบสานธุรกิจครอบครัว Saavedra

ปัจจุบันน้ำมันมะกอก Palacio Marqués de Viana ยังคงเป็นธุรกิจครอบครัวที่ดำเนินการโดยลูกหลานของตระกูล Saavedra โดยบริษัทยังคงยึดมั่นในปรัชญาของมาร์เกสแห่งเบียนาองค์ที่ 2 ในการแสวงหาความเป็นเลิศในทุกขั้นตอนของการผลิต ตั้งแต่การปลูก การดูแลต้นมะกอก การสกัดน้ำมัน ไปจนถึงการอนุรักษ์ และการทำการตลาดน้ำมันมะกอกระดับพรีเมียม

การผลิตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Palacio Marqués de Viana ยังคงปลูกต้นมะกอกด้วยความรู้ และประสบการณ์ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยมุ่งเน้นที่ความยั่งยืน 100% บริษัทใช้วิธีการทางชีวภาพในการดูแลรักษา มีการใช้พืชคลุมดินเพื่อป้องกันการพังทลาย และรักษาความสมบูรณ์ของดิน รวมถึงการดูแลความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณสวนมะกอกด้วย

สวนมะกอกในหุบเขา Guadalquivir

สวนมะกอกของ Palacio Marqués de Viana ตั้งอยู่ในหุบเขา Guadalquivir ในแคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตน้ำมันมะกอกที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ต้นมะกอกที่นี่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่พิเศษ รายล้อมด้วยอุทยานธรรมชาติ Cazorla และได้รับน้ำจากแม่น้ำ Guadiana Menor ที่ไหลผ่านพื้นที่เป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร

เอกลักษณ์ด้านคุณภาพและรสชาติ

สภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์นี้ร่วมกับความรู้ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน ทำให้น้ำมันมะกอก Palacio Marqués de Viana มีคุณภาพ และรสชาติที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

ศิลปะการผสมผสานสายพันธุ์มะกอก

นอกจากนี้แบรนด์ Palacio Marqués de Viana ยังได้พัฒนาเทคนิคการผลิตที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ โดยเน้นที่ ศิลปะการผสมผสานสายพันธุ์ เพื่อสร้างสรรค์น้ำมันมะกอกคุณภาพสูง ซึ่งทำโดยการเลือกผลมะกอกจากหลายสายพันธุ์ที่มีรสชาติ และกลิ่นแตกต่างกัน ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ และความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมน้ำมันมะกอก โดยมีการกำหนดสัดส่วน และชนิดของสายพันธุ์อย่างละเอียด เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกลืน ซับซ้อน และสมดุลที่สุด

ขวดบรรจุที่สะท้อนสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม

น้ำมันมะกอกของแบรนด์ Palacio Marqués de Viana ถูกบรรจุในขวดที่มีลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของพระราชวัง Marqués de Viana และห้องโถงอันโอ่อ่า โดยขวดแต่ละใบสะท้อนถึงเรื่องราว ประเพณี ความพิถีพิถัน และวัฒนธรรมของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

รางวัลระดับนานาชาติที่การันตีคุณภาพ

Palacio Marqués de Viana ได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรายการสำหรับน้ำมันมะกอก Extra Virgin และผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น เช่น Sublime Blend ที่มีรสชาตินุ่มนวล และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความหรูหราของน้ำมันมะกอกคุณภาพสูง รางวัลจากเวที Olive Japan (Gold 2013) และการคัดเลือกใน Flos Olei (Best 2023)

สามารถหาซื้อน้ำมันมะกอก Palacio Marqués de Viana ได้ที่ริมปิงนะคะ
Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Otento Tomato
ทำความรู้จัก Otento Tomato (โอเทนโต โทเมโท) มะเขือเทศคุณภาพที่ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทย
De La Lita (เดอลาลิต้า)
ทำความรู้จัก De La Lita (เดอลาลิต้า) แบรนด์ขนมขบเคี้ยวและน้ำสลัด สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
Carr's Crackers (คาร์ส แครกเกอร์)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Carr's Crackers (คาร์ส แครกเกอร์) แบรนด์แครกเกอร์ที่มีประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุควิกตอเรียน
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ